วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เกย์คืออะไร มีกี่ประเภท อะไรบ้างครับ

เกย์ คือ อาการลักษณะท่าทางที่แสดงออกมาผิดแผกจากเดิมกล่าวคือ จากการที่มนุษย์ มีเพศที่ปรากฎขึ้นคือ ชาย และหญิง แต่ว่าเกย์เกิดเป็นมิวเตชั่นหรือ ผ่าเหล่า อาจมีโครโมโซม หรือยีนส์ ของแม่มากเกินไปทำให้ คนที่ป็นนั้นมักมีพฤติกรรมที่เลียนแบบเพศแม่ อาทิเช่น 1.ชอบความสงบ
2.ไม่ชอบใช้กำลัง 3.ชอบธรรมชาติสายลมแสงแดด 4.รักสวยรักงามสะอาดสะอ้าน เหล่านี้ล้วนบ่งบอกแล้วว่า ชายเหล่านี้นั้นเป็นเกย์

เกย์แบ่งออกด้วยกันทั้งหมด 5 ประเภทด้วยกัน
1.ไบหรือไบเซกชวล อาจกล่าวได้ว่า เกย์ประเภทนี้มีลักษณะและท่าทางที่เหมือนผู้ชายทั่วไป แต่เวลาที่มีเพศสัมพันธ์สามารถมีได้ทั้งชายและหญิง หรือที่เรียกกันว่าเสือไบนั่นเอง
2.รุกหรือ คิงส์ เป็นชายที่ไม่ออกสาวเลยครับแต่มักจะมีเพศสัมพันธ์กับชายเท่านั้นโดยเป็นฝ่ายกระทำมากกว่าเกลียดการทำออรัลเซกส์ให้กับคนที่เป็นรับครับ
3.รับ เป็นเกย์ที่ออกสาวบ้าง ชอบแอบหรือหลบ ได้ในบางครั้งแต่เมื่อเข้ากลุ่มก็จะสาวแตกครับ
ชอบเป็นฝ่ายรับ คิดว่าตนเหมือนหญิงในบางครั้ง ชอบทำออรัลเซกส์ให้กับรุกและเป็นฝ่ายถูกกีทำมากกว่า
4.กระเทย / แต๋ว / ตุ๊ด (ควีนส์) คือคนที่คิดว่าเราน่าจะเป็นหญิงได้เสียที เมื่อึงเวลาอันเหมาะสม ชอบแต่งสวย รักในความงามเสื้อผ้าหน้าผมเป็นต้น บางคนสวยมากๆ สวยกว่าผู้หญฺ งด้วยมีทั้งที่แปลงเพศและไม่แปลงเพศแปลเพศ
5. โบท คือเสือไบ บวกกับคำว่า ออ ออฟเดม แปลว่า ได้ทั้งรุกและรับแต่ขอยำว่าผู้ชายเท่านั้น






เกย์ คือ อาการลักษณะท่าทางที่แสดงออกมาผิดแผกจากเดิมกล่าวคือ จากการที่มนุษย์ มีเพศที่ปรากฎขึ้นคือ ชาย และหญิง แต่ว่าเกย์เกิดเป็นมิวเตชั่นหรือ ผ่าเหล่า อาจมีโครโมโซม หรือยีนส์ ของแม่มากเกินไปทำให้ คนที่ป็นนั้นมักมีพฤติกรรมที่เลียนแบบเพศแม่ อาทิเช่น 1.ชอบความสงบ
2.ไม่ชอบใช้กำลัง 3.ชอบธรรมชาติสายลมแสงแดด 4.รักสวยรักงามสะอาดสะอ้าน เหล่านี้ล้วนบ่งบอกแล้วว่า ชายเหล่านี้นั้นเป็นเกย์

เกย์แบ่งออกด้วยกันทั้งหมด 5 ประเภทด้วยกัน
1.ไบหรือไบเซกชวล อาจกล่าวได้ว่า เกย์ประเภทนี้มีลักษณะและท่าทางที่เหมือนผู้ชายทั่วไป แต่เวลาที่มีเพศสัมพันธ์สามารถมีได้ทั้งชายและหญิง หรือที่เรียกกันว่าเสือไบนั่นเอง
2.รุกหรือ คิงส์ เป็นชายที่ไม่ออกสาวเลยครับแต่มักจะมีเพศสัมพันธ์กับชายเท่านั้นโดยเป็นฝ่ายกระทำมากกว่าเกลียดการทำออรัลเซกส์ให้กับคนที่เป็นรับครับ
3.รับ เป็นเกย์ที่ออกสาวบ้าง ชอบแอบหรือหลบ ได้ในบางครั้งแต่เมื่อเข้ากลุ่มก็จะสาวแตกครับ
ชอบเป็นฝ่ายรับ คิดว่าตนเหมือนหญิงในบางครั้ง ชอบทำออรัลเซกส์ให้กับรุกและเป็นฝ่ายถูกกีทำมากกว่า
4.กระเทย / แต๋ว / ตุ๊ด (ควีนส์) คือคนที่คิดว่าเราน่าจะเป็นหญิงได้เสียที เมื่อึงเวลาอันเหมาะสม ชอบแต่งสวย รักในความงามเสื้อผ้าหน้าผมเป็นต้น บางคนสวยมากๆ สวยกว่าผู้หญฺ งด้วยมีทั้งที่แปลงเพศและไม่แปลงเพศแปลเพศ
5. โบท คือเสือไบ บวกกับคำว่า ออ ออฟเดม แปลว่า ได้ทั้งรุกและรับแต่ขอยำว่าผู้ชายเท่านั้น







เคยถามๆ ดูเค้าบอกว่าสมัยนี้มันไม่ค่อยจะแบ่งคิงส์ หรือควีนส์ กันแล้ว เท่าๆ ที่เคยคลุกคลีด้วย ขอแบ่งเป็นสองประเภท คือ
กระเทย - ความปราถนาของกระเทยคือการได้เป็นผู้หญิง กระเทยจึงมักแต่งหญิงอย่างโจ่งแจ้งกว่า บางคนไปเปลี่ยนแปลงสรีระ หลายๆ คนที่ออกอาการตั้งแต่ยังเด็กเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เป็นแบบ born to be เลย สรีระและสุ้มเสียงจะออกทางหญิงมาก เรียกว่าเนียนๆ เลย กระเทยส่วนใหญ่จะเป็นด้วยตนเอง ไม่ติดต่อเหมือนโรคติดต่อ และแน่นอน กระเทยชอบผู้ชายเหมือนกับผู้หญิงทั้งหลายน่ะแหละ
เกย์ - ขอไม่แบ่งจำแนกประเภทของเกย์ เพราะแบ่งยาก ความเป็นเกย์มีไล่ลดหลั่นระดับกันไปตั้งแต่เป็นอ่อนๆ ไปจนถึงฮาร์ดคอล์ แถมยังมีความหลากหลายในรสนิยม การแต่งกาย และพฤติกรรมอีกด้วย ที่สำคัญเกย์จะจับคู่กับเกย์ด้วยกันโดยส่วนใหญ่ ไม่ชื่นชอบต่อการถูกมองเป็นผู้หญิงอย่างกระเทย และเกย์ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นมาแต่กำเนิด แต่เป็นโดยมีผู้ชักนำ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือเกย์รุ่นที่เก๋าส์กว่า ลำดับของการเป็นเกย์จึงมักเป็นวงจรแบบ
เป็นผู้ชายมาก่อน - แล้วมากลายเป็นเมียเกย์ - แล้วค่อยมาเปลี่ยนแปลงตอนหลังอีกทีว่าจะชอบเป็นเกย์ควีนส์ต่อไป หรือเปลี่ยนเป็นเกย์คิงส์แล้วไปไล่ล่าหาเกย์ควีนส์เป็นของตัวเองอีกที หรือบางคนยึดทางสายกลางเลยเป็นคิงส์ หรือ ควีนส์ก็ได้แล้วแต่โอกาส
ฉะนั้นเท่าที่เห็นในหมู่เพื่อนฝูง และที่เห็นจากในสังคม ผู้ชายธรรมดาอยู่ดีๆ กลับมากลายเป็นเกย์ไปได้ด้วยเหตุนี้ บางคนมีลูกมีเมีย แต่เมื่อถูกชักนำไปแล้วก็เป็นไปเลย ผิดกับผู้ชายที่ไปยุ่งกับกระเทยจะยังเป็นผู้ชายอยู่ ไม่เกิดการกลายพันธุ์แต่อย่างใด

ทุกวันนี้จึงน่าจะเป็นการยากที่จะแบ่งประเภทให้ได้อย่างชัดเจน เพราะมันหลากหลายซะเหลือเกิน คู่เกย์บางคู่หนวดเคราเฟิ้มขี่ฮาร์เล่ย์ บางคู่กลับแฉล้มแช่มช้อยแข่งกันเป็นหญิง สีสันของชาวเกย์เดี๋ยวนี้จึงไม่ใช่สีม่วงซะแล้ว เรียกว่าเป็นสีรุ้งไปเลย ... อันนี้เขียนจากประสบการณ์ที่มีเพื่อนฝูงแบบนี้เยอะ คลุกคลีมานาน ใครจะค้านหรือจะคอนเฟิร์มก็บอกกันนะคะ








ผมรู้สึกเสียใจกับคำตอบของบางท่าน (เสียใจจริงๆ)

ผมเป็นเกย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้อยากเป็น ไม่ได้โดนชักนำ

ไม่เคยคิดว่าชีวิต จะต้องอยู่ หรือเป็นแบบนี้

ผมไม่รู้ว่าผมจะเป็นตั้งแต่กำเนิด หรือไม่

แต่ผมเป็น ...เกย์...

ผมอาจจะอิจฉาผู้อื่นบ้าง แต่ไม่เคยทำตัวริษยา ไร้สาระ แบบนางร้ายในละคร

อย่างเดียว ที่ผมอิจฉาคนอื่นๆ มากๆ

***คือได้เป็นคนปรกติ อยากเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ ที่ไม่ได้ชอบเพศเดียวกัน***

อยากหายจากการเป็นเกย์ และมีความรัก ที่สามารถมีได้อย่างเปิดเผย

และไม่ต้องนึกถึงวันที่ตัวเองต้องเดียวดาย หากไม่มีพ่อ และแม่ ในอนาคต

.............เราจะอยู่เพื่อใคร ทำเพื่อใคร.............


บางคนอาจจะไม่ได้คิดไกลแบบผม ไม่ได้คิดมากแบบผม

แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องจริงของหลายๆ คน
-----------------------------------------------------------------

ปล. เห็นใจกันบ้าง อย่าว่ากันมากนักเลย










เกย์ เป็นคำเรียกอย่างง่ายของความหมาย โฮโมเซ็กส์ชวล แปลว่า ผู้ที่มีปฏิกริยาหรือต้องการทางเพศกับเพศเดียวกัน เช่น ชาย-ชาย หรือ หญิง-หญิง
หรืออีกนัยหนึ่งคือผู้ที่มิได้มีความต้องการทางเพศกับเพศตรงข้าม(เท่านั้น)

เกย์ โดยแยกแยะจากพฤติกรรมภายนอก
- ชายที่ต้องการมีร่ายกายกริยาเป็นหญิง คือกระเทย
- หญิงที่ต้องการมีร่างกายกริยาเป็นชาย คือทอม
- ชายหรือหญิงที่มีพฤติกรรมปรกติตามกายวิภาคแต่มีความต้องการต่อเพศเดียวกัน คือเกย์
- ชายหรือหญิงทีมีพฤติกรรมปรกติตามกายวิภาคแต่มีความต้องการต่อทั้งสองเพศ คือไบเ็ซ็กส์ชวล
เกย์ โดยแยกแยะจากพฤติกรรมเมื่อร่วมเพศ
- ชายที่มีความต้องการเป็นฝ่ายถูกสอดใส่ทางทวารหนัก เรียกว่า รับ
- ชาย/หญิงที่มีความต้องการสอดใส่ เรียกว่า รุก (กรณีของหญิงมักจะสวมบทชายโดยใช้ Strap-on ที่มีอวัยวะชายเทียมติดอยู่)
- ชายที่มีความต้องการทั้งสอดใส่และถูกสอดใส่ เรียกว่า versatile
- หญิงที่มีความต้องการถูกสอดใส่โดยชาย แต่อยากเล่นสนุกหรือบางครั้งเกิดความต้องการทางเพศเมื่อเห็นหญิงด้วยกันก็มี อาจเป็นทอม-ดี้ที่ยังไม่ค้นพบก็ได้
- หญิงที่ชอบเกย์ (มีแต่อันนี้ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร หรือเรียกว่าอะไร)

สาเหตุทางกายภาพ
- ความผิดปรกติของโฮโมนโดยธรรมชาติ
- ยีนส์จากพ่อแม่ เกย์มีมานานมาก ผู้ชายหลายคนสมัยก่อนสามารถเก็บไว้ได้สนิท หรือ สับสน แต่ไม่เคยมีประสบการณ์อาจเก็บความต้องการได้ดี (พ่อแม่ของเราอาจจะเป็นแต่เราไม่รู้ก็ได้) การถ่ายทอดทางยีนส์จึงเกิดขึ้น แต่มีคำถามที่ว่า ทำไมเราเป็นแต่พ่อ-แม่เราไม่เป็น เมืองนอกมีผลวิจัยที่ว่าแม่เป็นผู้ถ่ายทอดยีนส์

สาเหตุทางประสบการณ์ในชีวิตหรือการถูกเลี้ยงดูที่ผิด
- ชายมักเกิดความต้องการทางเพศได้ง่ายและอาจใช้ผู้ชายเพื่อผ่อนคลาย และมักจะเป็นก้าวแรกของการเบี่ยงเบน
สำหรับฝ่ายรุกปากทวารหนักจะให้ความรู้สึกรัดมากว่าช่องคลอดในตอนที่เริ่มสอดใส่และจะเริ่มคลายในเวลาต่อมา
สำหรับฝ่ายรับปากทวารหนักมีปลายประสาทจำนวนมหาศาลรวมตัวกันตลอดความลึกเกือบ3นิ้ว บวกกับต่อมลูกหมากที่จะถูกสัมผัสเมื่อถูกสอดใส่ ความรู้สึกที่ได้รับยากที่จะลืมหากถูกรุกอย่างนิ่มนวล...(โปร)
- ถูกญาติ-ครูกระทำชำเรา ไม่ว่าในวัยรับรู้เรื่องเพศหรือไม่ก็ตาม น่าจะทำนองคล้ายรักครั้งแรกหรือจูบแรกสำหรับผู้หญิง ส่วนตัวคิดว่านี่เป็นสาเหตุที่มีส่วนแบ่งมาก เพียงแต่ไม่ได้ถูกเปิดเผยเท่านั้น กรุณาอย่าถามนะครับว่าเคยถูกกระทำชำเราแล้วยังไงโตขึ้นมาก็น่าจะคิดได้... โดยธรรมชาติของมนุษย์ เรารับรู้ความรู้สึกทางเพศตั้งแต่เด็กเพียงแต่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร สิ่งที่รับรู้คือมันรู้สึกดี เด็กยังไม่มีน้ำอสุจิ แต่ความรู้สึกใกล้เคียงกับการถึงจุดสุดยอดนั้นถูกรับรู้ในลักษณะ เพลิน
มันอาจส่งผลในหลายแง่ เช่นถูกครูผู้หญิงจับเล่น โตมาก็อาจจะชอบผู้หญิงที่สูงอายุกว่า
ถูกลุงแก่กระทำ โตมาอาจชอบผู้ชายสูงอายุ
- ถูกเลี้ยงดูแบบตรงข้ามกับเพศของตน เนื่องจากพ่อแม่ที่เห็นแก่ความต้องการของตนเป็นหลัก ไม่ได้คิดถึงเด็ก
(คล้ายกับการจับทารกชาย ขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ รู้หรือไม่ว่าการรับรู้ทางประสาทสัมผัสบริเวณหัวอวัยวะเพศ ขณะร่วมเพศจะลดลงอย่างมากเนื่องจาก ผิวรอบๆหัวอวัยวะเพศจะถูกปรับตัวหนาขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อทดแทนหนังหุ้มปลาย เนื่องจากหนังหุ้มปลายมีหน้าที่ปกป้องปลายประสาทสัมผัส)
- สังคมรอบตัว เช่นกระเทยตามโรงเรียนมัทยม แต่บางคนก็กลับเป็นชายเมื่อพ้นสังคมนั้นมา(บางคนใช้เป็นเครื่องมือในการเข้าตีสนิทหญิงเพื่อฉวยโอกาส)

เราเป็นเกย์หรือไม่? วิธีง่ายๆ คุณนึกถึงอะไรเวลาคุณสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง
โดยมากสิ่งที่ทำให้คนเราเกิดความต้องการทางเพศนั้นมักจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า "อวัยวะเพศ" อาจจะเป็นหน้าอก, ก้น, การแต่งตัว, กลิ่นตัว, หุ่น, หน้าตา, บุคคลิก อะไรก็แล้วแต่ แต่นั้นเป็นจุดเริ่มต้น แต่สิ่งที่คุณนึกคิดที่นำไปสู่จุดสุดยอดของการสำเร็จความใคร่น่าจะบ่งบอกได้ดีกว่าว่า เพศไหนที่คุณ attracted to.

อยากทิ้งไว้เพิ่มเติม คนที่มีความต้องการทางเพศต่อเพศตรงข้ามใช่ว่ามีสิทธิกล่าวหาโฮโมเซ็กส์ชวลเป็นสิ่งผิดปรกติไม่ อย่าลืมว่ารสนิยมทางเพศ(เฟติส)ที่อุบาศๆ ก็มีเยอะมากเช่นรัดคอก่อนถึงจุดสุดยอด, ร่วมเพศโดยมีอุจจาระ-ปัสสาวะเข้ามาเกี่ยวข้อง, ใช้-เสพความเจ็บปวด, ข่มขื่นเด็ก-ผู้ใหญ่, ชอบร่วมเพศกับศพเป็นต้น เหล่านี้น่าจะมีแนวโน้วของต้นตอเชกเช่น เกย์ เพียงแต่เนื้อหาอาจจะต่างกัน

ส่วนตัวมองว่าหากไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร มันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล
เกย์ที่ทำทำตัวดีไม่ดีนั้นไม่ต่างกับชาย-หญิงทั่วไป แต่มันเด่นเพราะเป็นเกย์ ชาย-หญิงมีดีและเลว เกย์ก็คือคนซึ่งย่อมต้องมีทั้งดีและไม่ดี

แต่ถ้ามองว่าเป็นเกย์แล้วยังมาแต่งงาน ทำงานร้ายผู้หญิงทำไม! ลองคิดดูสิครับทำไมเค๊าต้องทำเช่นนั้น เพราะสังคมไม่ยอมรับ-พ่อแม่ไม่ยอมรับ ทำให้เค๊าต้องซ่อนตัวเอง ทั้งๆที่เค๊าอาจจะสับสนและไม่เข้าใจในตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเค๊า ทำไมเค๊าถึงผิดปรกติ... เค๊าไม่ได้เลือกที่จะเกิดมาเป็นแบบนี้... เค๊าไม่ได้ต้องการถูกผู้ใหญ่ใจทรามข่มขืนเมื่อตอนเป็นเด็ก..... ก็เป็นไปได้
สมมุติว่าถ้าผมเป็นเกย์แล้วพ่อผมรู้เข้า พ่อคงฆ่าผมตายเพราะพ่อมักจะพูดเวลาพบเห็นกระเทย แต่ถ้าถามว่าพ่อเป็นเกย์หรือไม่....ผมไม่รู้

เพื่อนผมมีลูกชายแล้วมันเคยบอกว่า ลูกมันอยากเป็นอะไรก็ได้ แต่ถ้าเป็นเกย์กูจะเอาปึนกรอกปากดีกว่าปล่อยให้เสียชาติเกิด....
แล้วจะไม่ให้เกย์ต้องหลบๆซ่อนๆรึ

ทั้งหมดก็แค่ความเห็นส่วนตัวครับ ผมเองก็เลือกไม่ได้ที่เกิดมาพร้อมโรคประจำตัวหลากหลายโรคและยังต้องทนทรมานทุกวัน










1.กระเทยหรือตุ๊ด คือ เพศชาย คิดและพอใจที่จะเป็นเพศหญิง จะมีความต้องการทางเพศกับผู้ชายแท้ๆเป็นหลัก มีทั้งที่แสดงออกอย่างชัดเจน กับไม่แสดงออก(ตรงนี้มักเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์ แต่ไม่ใช่นะ)
ความต้องการทางเพศ จะเหมือนผู้หญิงคือ ต้องการเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว
2.เกย์ คือ เพศชาย ที่ชอบ ในความเป็นชายด้วยกัน ไม่ได้ชอบเพศหญิง ในด้านการร่วมเพศ และเกย์ก็ไม่ได้ชอบชายแท้เหมือน กระเทยหรือตุ๊ด แต่จะชอบเกย์ด้วยกันเท่านั้น
แต่ถ้าแบ่งออกตามความต้องการทางเพศ เกย์จะแบ่งได้หลายพวกมากแต่นั้นก็แค่ชอบการร่วมรักแบบไหนเท่านั้น เช่น เกย์คิง-จะรุกเป็นหลัก เกย์ควีน-จะรับเป็นหลัก(ตรงนี้หลายพวก
เข้าใจผิดว่าเป็นตุ๊ดหรือกระเทย แต่จริงๆไม่ใช่เพราะความต้องการหลักไม่เหมือนกัน) เกย์โบท-รับก็ชอบ-รุกก็ชอบ...และอื่นๆ
ส่วนที่ว่า เกย์ จะเรียบร้อย รักสะอาด รักสวยรักงาม อันนี้ไม่จริงเสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับความพอใจในแต่ละคนไม่ใช่เครื่องบงชี้ได้
3.ไบ คือ เพศชาย ที่มีอารมณ์ทางเพศ กับทั้งเพศชาย และ เพศหญิง (ซึ่งเกย์จะไม่มีอารมณ์กับเพศหญิง ถ้ามีได้ก็ต้องใช้ความพยามปรุกอารมณ์) ถือได้กว่าใกล้เคียงกับชายแท้ที่สุด
หรือเรียกได้ว่า ไม่ต่างกันเลย เพี่ยงแต่ไม่ได้รังเกรียจที่จะร่วมรักกับเพศชายด้วยกัน
4.ชายแท้ๆ คือ เพศชาย ที่มีความต้องการทางเพศกับผู้หญิงเท่านั้น ซึ่งในที่นี้ อาจรวมถึงกระเทยหรือตุ๊ด ที่มีสภาพเป็นผู้หญิงแล้วด้วย
1
คือว่า เราว่านะเป็นนะก็ไม่เป็นไรหรอกแต่ว่าอย่าหลอกคนอื่นเลยไอ้พวกที่มาแต่งงานมีลูกมีเต้านะถ้าไม่สงสารผู้หญิงก็สงสารลูกคุณเถอะถึงแม้ว่าเค้าจะรับได้แต่มันก็จะกลายเป้นปมด้อยของลูก คิดดูสิสักวันหนึ่งที่ลูกคุณเดินเข้ามาหาคุณแล้วพบว่าคุณกำลังดูเว็บเกย์ อ่านหนังสือเกย์ อยู่คุณคิดว่าเค้าจะคิดอย่างไรขอบอกว่าโดนแล้วเจ็บมากคุณก็เจ็บคนโดนก็เจ็บเชื่อสิถ้าเค้ารู้เค้าจะไม่อยากมาอยู่ใกล้คุณสักระยะเลยละ ทั้งแม่ทั้งลูกเลย ต่อให้บอกว่าไม่ได้เป็นก็ไม่เชื่อหรอกความมั่นใจในตัวคุณจะลดลงไปเยอะเชื่อฉันสิอย่าแก้ปัญหาอย่างนี้เลย
0
ผม ก้อ เปน เกย์ เพื่อน ผม ชอบถามผมว่า ทำไม ไม่กลับตัว

ผมเองก้อ พยายามที่จะปรับตัว แต่ ทำไม่ได้เลย ทัน ที ที่เหน เกบย์มาขอ เปน แฟน ใจ มัน ละลาย

ถึง สังคมอาจ ยอมรับแต่ศาสนา ไม่ยอมรับ และปฏิเสธ
0
หมายถึงร้องไห้มีอะไรบ้างและมีกี่คำ
0
ความแตกต่างระหว่าง เกย์ กะเทย ประเทือง

โดย นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล

คนไทยกำลังสับสนเป็นอย่างมาก ระหว่างเกย์ กะเทย ประเทือง ว่ามันเหมือนหรือต่างกันหรือไม่ อย่างไร… จริงๆแล้ว กะเทยคืออะไร?

กะเทย เป็นคำที่มีมาแต่ดั้งแต่เดิม ใช้มานมนาน เป็นคำที่เรียกกลุ่มคนผู้มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
1. ผู้มีอวัยวะเพศทั้งชายและหญิงในร่างเดียวกัน (Hermaphrodite)
2. ชายหรือหญิงที่แปลงเพศ (Transexualism)
3. ชายหรือหญิงที่นิยมแต่งกายในชุดของเพศตรงข้าม (Transvestism)
4. ชายหรือหญิงผู้มีใจรักใคร่เพศเดียวกัน (Homosexuality) ส่วนใหญ่หมายถึงชายรักชาย และอาจหมายถึงหญิงรักหญิงด้วยกัน

แต่ที่มักไม่ค่อยพูดถึงกันนัก กะเทยมีกี่ประเภท โดยการจำแนกทางการแพทย์แล้ว กะเทยแบ่งเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะทางกายภาพ นิสัย รสนิยม พฤติกรรม แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร ตามไปดู…
1. กะเทยแท้ (Hermaphrodite)
คือคนสองเพศในร่างเดียวกัน (Two in one) เป็นความผิดปกติของธรรมชาติทางร่างกาย มีผลทำให้จิตใจสับสนว่าเราเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่

2. กะเทยผิดเพศหรือแปลงเพศ (Transsexualism)
คือคนที่ไม่พอใจและไม่ยอมรับเพศที่แท้จริงของตัวเองโดยกำเนิด มีพฤติกรรมแสดงออกแบบเพศตรงข้ามตลอดเวลา รู้สึกว่าตัวเองเกิดผิดเพศ และมักอยากแปลงเพศให้เป็นตรงกันข้ามกับต้นฉบับเดิมที่แม่ให้มา อาจแปลงด้วยวิธีการกินยาฮอร์โมน หรือศัลยกรรมผ่าตัดซะเลย

ส่วนใหญ่ที่เจอะเจอมักเป็นชาย กายเป็นชายใจเป็นหญิง จะรู้สึกว่าแท้ที่จริงเธอเป็นผู้หญิง 100% มีแต่ร่างกายหรือเครื่องเพศเท่านั้นที่เป็นผู้ชาย ที่น่าสนใจก็คือเธอหลายคนสวยเด่นเหลือหลาย สะโพกผาย อกโต หุ่นเพรียวลมงดงาม ทำเอาผู้หญิงแท้มากมายรู้สึกขายหน้ายิ่งนัก ถ้ามีการประกวดประชันกันระหว่างนางสาวไทยกับมิสทิฟฟานีบนเวทีเดียวกัน ยังนึกภาพไม่ออกว่าผลจะเป็นอย่างไร ผมชักอยากถือหางกลุ่มประเภทหลังซะแล้ว ดูแล้วน่าจะเป็นต่อเล็กน้อย มีการตั้งชื่อเรียกคนกลุ่มนี้ตามสภาพความจริงว่า “สาวประเภทสอง สาวดาวเทียม” หรือถ้าสวยหยาดเยิ้มบาดตาบาดใจก็เรียกเธอว่า “นางฟ้าจำแลง”

3. กะเทยลักเพศ (Transvestitism)
แปลตามชื่อเลยครับ คือไปลักเอาเพศอื่นมา บางคนแก้ตัวว่า ไม่ได้ลักสักหน่อย แค่ “ขอยืม” มาใช้ชั่วคราวเท่านั้นเอง กลุ่มนี้ชอบแต่งกายเป็นเพศตรงข้าม แต่งหน้า ทำผม เท่านี้ก็พอใจแล้ว อาจทำโดยเปิดเผยหรือเฉพาะลับตาคนก็ได้ กลุ่มนี้ไม่ต้องการแปลงเพศเหมือนกลุ่มแรก กลุ่มนี้อาจเป็นได้ทั้งรักใคร่เพศตรงข้าม หรือเป็นโฮโมหันมาชอบไม้ป่าเดียวกัน

4. รักร่วมเพศ (Homosexuality)
ชื่อนี้ดูแปลกๆ ทำให้เข้าใจตามภาษาได้ว่า “ความรักที่มุ่งมั่นจะร่วมเพศกัน” ทำให้บางคนไม่ชอบคำแปลนี้ จริงๆแล้ว รักร่วมเพศหมายถึง ผู้ที่ต้องการมีความสุขกับเพศเดียวกัน อันได้แก่ ชายรักชาย และหญิงรักหญิง ทั้งสองฝ่ายอยู่ในกลุ่มเดียวกัน แต่มีชื่อเรียกที่แตกต่างกัน คือ

ชายรักชาย มีชื่อเล่นเยอะ เช่น ไม้ป่าเดียวกัน ชาวดอกไม้ ชาวสีม่วง แต่โดยทั่วไปนิยมเรียกว่า เกย์ (Gay) แบ่งเป็น เกย์คิง กับเกย์ควีน

เกย์คิง (Gay-king) คือผู้ที่ชอบ “แทงข้างหลัง” หรือเรียกว่า “ผู้เป็นแขก”
เกย์ควีน (Gay-queen) คือผู้ที่ชอบ “หันหลังให้เขาแทง” หรือเรียกว่าเป็น “แผนกต้อนรับ”
แต่ถ้าเป็นได้ทั้งแขกและแผนกต้อนรับ ทำหน้าที่ทั้งสองบทบาทในเวลาเดียวกัน อย่างนี้เรียกเป็นเกย์ควิง (ผสมระหว่าง king กับ queen)

หญิงรักหญิง คนไทยเรียกกันมาแต่ดั้งแต่เดิมว่า “อัญจารี” มาจากคำว่า อัญ บวกกับ จารีต มีความหมายตรงตัวว่าผู้ประพฤติที่แตกต่าง ตรงกับภาษาอังกฤษว่า เลสเบี้ยน (Lesbian) แบ่งพฤติกรรมออกเป็น 2 ฝ่าย ได้แก่
ทอม มาจากภาษาอังกฤษว่า Tom boy ผู้หญิงบางคนเรียก “ทอมมี่” เป็นฝ่ายที่ทำตัวเสมือนชาย เข้มแข็ง บึกบึน เป็นผู้นำ รับผิดชอบ ดูแล เทคแคร์ เอาอกเอาใจ
ดี้ มาจากภาษาอังกฤษว่า Lady เป็นฝ่ายทำตัวเป็นผู้หญิ๊ง-ผู้หญิง บอบบาง ไร้เดียงสา ออเซาะ ฉอเลาะ ช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยถนัด


คราวนี้มาพิจารณาคำที่เจอบ่อยๆ
ประเทือง พอมาถึงตรงนี้ ลองช่วยกันคิดหน่อยนะครับว่า “คุณประเทือง” ของไท ธนาวุฒิ น่าจะจัดอยู่ในกะเทยประเภทไหน ถ้าเพื่อนเก่าเราที่เคยเป็นชาย แล้วต่อมากลายหญิงสาวสวย จนเกือบหลวมตัวจีบ

เกย์ เกย์ ที่กล่าวมาแล้วหมายถึงผู้ชายที่รักผู้ชายด้วยกัน แต่เขายังกำหนดเพศตนเองเป็นผู้ชาย 100% เต็ม ดังนั้นจำนวนมากดูภายนอกเป็นชายเต็มตัว ดูไม่ออกไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นเกย์ บางคนมีลูกมีเมีย มีครอบครัว อาจมีไว้บังหน้าหรือเพราะสังคมบังคับ หลังแต่งงานแล้วภรรยาอาจลำบากใจ เศร้าหมอง หรือช็อกเมื่อวันหนึ่งทราบความจริงว่า “สามีของเธอ ตกเป็นภรรยาของชายอื่น”

อยากทำความเข้าใจก่อนตรงนี้ว่า ผู้ชายที่แต่งงานแล้วก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าเขาไม่ใช่เกย์ ในทางตรงข้ามก็เช่นเดียวกัน ผู้ชายที่ไม่แต่งงานก็ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นเกย์ จะเห็นว่าความเป็นเกย์อยู่ที่ในใจ เป็นความรู้สึกส่วนตัว หลายคนถามว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไร ผมก็เลยถามกลับว่าแล้วจะรู้ไปทำไม…มันเป็นสิทธิส่วนตัว ไม่ต้องไปเดือดร้อนกับชีวิตของเขา ยกเว้นแต่เขามาขอแต่งงานกับคุณ แล้วคุณสงสัย ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว

จิตแพทย์ยกเลิกการวินิจฉัยว่า Homosexuality เป็นความผิดปกติ โดยให้ถือว่าเป็นวิถีทางเลือกอย่างหนึ่งของชีวิต เป็นรสนิยมที่แตกต่างจากคนทั่วไป เป็นคนกลุ่มน้อยเหมือนคนที่ถนัดมือซ้ายในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ถนัดมือขวากัน

ตุ๊ด คือเกย์ส่วนหนึ่ง มีท่าทางกระตุ้งกระติ้ง กระเดียดไปทางผู้หญิง คนทั่วไปมักเรียกว่าตุ๊ด บางคนเข้าใจว่า ตุ๊ดมาจากภาพยนตร์เรื่อง Tootsie ที่ดัสติน ฮอฟแมนผู้เป็นพระเอกปลอมตัวเป็นผู้หญิง ซึ่งจริงๆ แล้วคำว่าตุ๊ดมีใช้ในเมืองไทยตั้งแต่ยังไม่มีหนังเรื่องนี้เลย ทฤษฎีนี้เลยตกไป

บางคนบอกว่ามาจากคำว่า “ตูด” เพราะเข้าใจว่ามีความสนิทสนมและใช้ประโยชน์พื้นที่ส่วนนี้มากกว่าคนทั่วไป หลายคนบอกว่ามาจากอาการกระตุ๊งกระติ๊งเกินปกติ คนจึงเรียกเธอว่า “ตุ๊ดตู่” และ “แต๋วแหวว” เลยเรียกรวมกันเป็น ตุ๊ดกับแต๋ว ในเวลาต่อมา ส่วนว่าข้อสรุปจะเป็นอย่างไร คงต้องไปสอบถามผู้รู้ทางภาษาดูนะครับ


คราวนี้มารู้จักคำที่พูดกันน้อย
รักสองเพศ (Bisexuality)
หมายถึงคนที่มีความสุขทางเพศได้ทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง มีคำเล่นใช้หลากหลายเช่น เสือใบ ใบไม้ หรือพวกกระแสสลับ

รักต่างเพศ (Heterosexuality) ได้แก่ชายจริงหญิงแท้ ผู้มีจิตใจรักใคร่เพศตรงข้ามเหมือนกับเราท่านทั้งหลายนี่แหละ และนับเป็นความโชคดีของคนกลุ่มนี้ที่เป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สุด สิ่งที่พวกเขากระทำจึงถือเป็นความปกติ ในวันหนึ่งข้างหน้าถ้าคนนิยมเพศตรงข้ามน้อยลง พฤติกรรมเยี่ยงนี้จะกลับไปเป็นความผิดปกติหรือเปล่า…น่าคิด!


ในความเป็นจริง ในการประเมินระดับความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น ถ้าเห็นลูกชายของเราชักเริ่มแสดงอาการกระตุ้งกระติ้ง เพราะดูแบบอย่างจากทีวี หรือเลียนแบบจากเพื่อนที่โรงเรียนเป็นแฟชั่น ทั้งๆ ที่คุณพ่อก็เข้มแข็ง บึกบึน ต้องเอะใจว่าเป็น “สัญญาณเตือน” ที่บ่งบอกสถานการณ์ว่าเรากำลังโดนทีวีและเพื่อนๆ ของลูกยึดอำนาจไปเสียแล้วหรือ จึงควรหันมาใกล้ชิดเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับลูกๆ ของเรา และควรใช้เวลากับลูกตอนดูทีวีเพื่อให้คำอธิบายที่เหมาะสม


ทัศนคติของสังคม
โดยทั่วไปสังคมไทยถือว่าไม่ต่อต้านกะเทยและเกย์ (Non-Homophobic Male Sexual Culture) แต่ก็ไม่ได้นิยมส่งเสริม เพียงแต่ส่วนใหญ่มองด้วยความเข้าใจ พยายามเข้าใจ และมีเมตตา ผิดกับบางประเทศที่ต่อต้านชัดเจน ถึงกับถือเป็นเรื่องผิดกฏหมาย

คนบางคนบางพวก อาจตั้งข้อรังเกียจ เพราะเมื่อนึกถึงอาหารประจำเผ่าของพวกเธอ คือ “ถั่วดำ” แล้วทำใจไม่ได้ ไม่แน่ใจในความสะอาดทั้งรูป รส และกลิ่น บางคนวิตกกังวลและหวาดกลัว เพราะมักได้เห็นข่าวเสมอๆ ว่า กะเทยเป็นพวกก้าวร้าวรุนแรง ฆ่ากันตายเพราะความหึงหวงและชิงทรัพย์เป็นประจำ ทั้งๆ ที่หลายคู่เขาอยู่กินอย่างมีความสุข แต่ไม่เป็นข่าว
ธรรมชาติของกะเทยคือรักเพศเดียวกัน หรือมีการแสดงออกเหมือนเพศตรงข้าม นั่นคือสิ่งเดียวที่พวกเธอแตกต่างจากคนทั่วไป

การตัดสินใดๆ มักเกิดจากเจตคติซึ่งได้รับการหล่อหลอมจากวัฒนธรรม ประเพณีที่ถือเป็นมาตรฐาน เปรียบเทียบเหมือนทุเรียนมีธรรมชาติเป็นสีเหลือง เนื้อนุ่ม รสหวาน กลิ่นแรง คนบางคนชอบกิน บางคนเฉยๆ และสมมติถ้าเกิดผมทนกลิ่นทุเรียนไม่ไหว กินไม่ลง ความผิดไม่ได้อยู่ที่ทุเรียน ปัญหาอยู่ที่ตัวผมแล้ว สิ่งที่ผมต้องทำคือหลีกเลี่ยง อยู่ห่างๆ แทนที่จะต้องต่อต้านทุเรียน

ทำไมจึงเป็นกะเทย
ยังไม่มีใครสามารถหาข้อสรุป หรืออธิบายได้ถูกต้องชัดเจน ในเรื่องนี้ ต่างฝ่ายต่างวิเคราะห์ถึงสาเหตุในฐานที่มาที่ต่างกันคือ

นักวิเคราะห์ทางจิตสังคม บอกว่า เด็กชายที่เติบโตโดยห่างเหินพ่อ หรือใกล้ชิดทางจิตใจกับมารดาอย่างมาก ทำให้เด็กชายสวมบทบาทของหญิงแทนที่จะเป็นชาย จึงกลายเป็น “ว่าที่กะเทย” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

นักวิจัยทางกายภาพ พบว่า กะเทยกลุ่มชายรักชายมีฮอร์โมนเพศชายน้อยกว่าชายทั่วไป ฝาแฝดไข่ใบเดียวกันมีโอกาสเป็นกะเทยเหมือนกันมากกว่าคนทั่วไป

จากข้อมูลดังกล่าวจึงเชื่อกันว่า กะเทยเกิดจากหลายสาเหตุผสมผสานกันอย่างลงตัว ตั้งแต่พันธุกรรม สมอง การเลี้ยงดู และสภาพแวดล้อม


คนกลุ่มนี้ผิดปกติต้องพบจิตแพทย์หรือเปล่า
ถ้าคุณเธอทั้งหลายพึงพอใจ และมีความสุขต่อสิ่งที่เธอมี ที่เธอเป็น ก็นับเป็นความชอบธรรมที่เธอจะใช้สิทธิ์ในการเลือกรสนิยมของเธอเอง ไม่มีอะไรน่าห่วง ดูที่สุขภาพจิต ความสุข-ความทุกข์ในจิตใจเป็นสำคัญ

แต่บางกลุ่มบางคน ไม่พอใจในสิ่งที่เธอมี เธอเป็น จึงเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับการดูแลแก้ไข ให้ตรงกับสิ่งที่เธอปรารถนาอย่างแท้จริง อย่างเปลี่ยนทัศนคติแนวคิดก็พบจิตแพทย์ อยากเปลี่ยนสรีระร่างกายให้ได้ดั่งใจประสงค์ก็พบศัลยแพทย์ หลังจากได้รับการยืนยันจากจิตแพทย์แล้วว่าจะไม่มีปัญหาหลังการแปลงเพศ

โดยมากที่เราพบ คนกลุ่มนี้มีรสนิยมและพฤติกรรมที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ ถ้ารสนิยมไม่ได้ทำให้เจ้าตัวมีปัญหา ก็ไม่ต้องไปพบหมอ ถ้ามีใครพยายามบอกว่าเธอป่วยหรือชักจูงให้ไปหาหมอ ต้องสงสัยว่าปัญหาอยู่ที่ใคร
จริงๆแล้วปัจจุบันสังคมเรากำลังสับสนอย่างหนัก ไม่รู้ว่าใครป่วยใครไม่ป่วย

กะเทยถ้าแสดงบทบาทที่เหมาะสม พอดิบพอดี สังคมก็ให้โอกาส แต่การแสดงที่เว่อเกินงามจนน่าเกลียด ทำให้ภาพพจน์ของกะเทยตกต่ำเสียหาย

ที่มา สนุก

.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Search for content in this blog.