วันอาทิตย์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตอนที่ 1. บ้านหลังใหม่ ภูมิ ขนย้ายข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวสำคัญไม่กี่ชิ้น เข้ามาพักในบ้านหลังหนึ่ง บ้านชั้นเดียวที่ไม่ได้หลังเล็กอย่างที่ครูดวงใจบอก บ้านหลังนี้ค่อนข้างใหญ่ทีเดียวในความคิดของภูมิ บริเวณบ้า

ตอนที่ 1. บ้านหลังใหม่
ภูมิ ขนย้ายข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวสำคัญไม่กี่ชิ้น เข้ามาพักในบ้านหลังหนึ่ง บ้านชั้นเดียวที่ไม่ได้หลังเล็กอย่างที่ครูดวงใจบอก บ้านหลังนี้ค่อนข้างใหญ่ทีเดียวในความคิดของภูมิ บริเวณบ้านตกแต่งด้วยต้นไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ เป็นบ้านที่น่าอยู่มากมาย ภูมิสังเกตจากภายในตัวบ้าน ที่สังเกตดูแล้วราวกับว่ามีใครสักคนพักอยู่ที่นี่อยู่แล้ว เพราะข้างในบ้านสะอาดสะอ้าน ผ่านการทำความสะอาดดูแลเป็นอย่างดี
“ภูมิ...ครูลืมบอกภูมิไป..... บ้านหลังนี่ลูกชายของครูชอบมานอนเล่น มานั่งทำงานที่นี่แหละ พี่เขาทำงานสถาปนิก
รับออกแบบบ้าน อาคาร ตึกรามบ้านช่อง”
“ครับผม”
“พี่ เขาชื่อ แซม... อายุมากกว่าภูมิก็ราวราวสามสี่ปีได้มั่ง… พี่แซมเป็นคนที่เก่งมากเลยนะ มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายบริษัท ให้พี่แซมออกแบบโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม..............” ครูดวงใจกล่าวถึงลูกชายของตนอย่างภาคภูมิใจ
“แล้วภูมิมาพักที่บ้านหลังนี่ พี่เขา..เออ..พี่แซมรู้ไหมครับ”
“ครูโทรศัพท์ไปบอกแล้วละ” ครูดวงใจพูดเสร็จก็ยิ้ม เมื่อมองไปที่หน้าละอ่อนของภูมิ ที่ท่าทางคิดมาก
“ภูมิไม่ต้องคิดมากเลย พี่แซมเขาเป็นคนดี ง่ายๆสบายๆ.....ภูมิจะได้มีเพื่อนคุยไง”
“ครับ” ภูมิพูดเสร็จ ก็ก้าวเดินเข้าไปในห้องนอน เมื่อได้เห็นสภาพในตัวห้องที่ถูกตกแต่งอย่างดี ยิ่งทำให้เขารู้สึกทราบซึ้งในความเมตตาของครูดวงใจมากขึ้นเป็นเท่าตัว ภูมิเป็นใครลูกเต้าเหล่าใคร นิสัยเป็นเช่นใด เป็นคนดีหรือเปล่าครูดวงใจเองก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของภูมิ นี้แหละคือน้ำใจของคนไทย ที่ปัจจุบันน้ำใจของคนไทยเริ่มลดน้อยถอยลงซะจนแทบจะไม่มีให้พบเห็น
ครู่หนึ่งผ่านไป ครูดวงใจก็ต้องขอตัวกลับไปทำธุระต่อ โดยมีร่างบางเดินมาเปิดประตูบ้านให้
ครูดวงใจมองไปที่หน้าละอ่อนใส ที่มีสีหน้าวิตกกังวล กับบ้านหลังใหม่ หญิงสูงวัยยิ้มอย่างอดขำไม่ได้
“หุหุ....ไม่ต้องทำสีหน้าแบบนั้น ..... แล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรด้วย....คิดซะว่าบ้านหลังนี่เป็นบ้านของภูมิเลยแล้วกัน.....นะ...
เดี่ยวครูไปก่อนนะ.....อ๋อ.... ลืมบอกไปพี่แซมตอนนี่ สงสัยไปเล่นบาสอยู่ เย็นเย็นถึงกลับ”
“ขอบพระคุณครูดวงใจมากมากครับ” ภูมิยกมือไหว้ขอบพระคุณครูดวงใจ
“จ้า….” ครูดวงใจยิ้มก่อนที่จะขับรถออกจากบ้านไป
กว่าจะจัดข้าวจัดของเป็นที่เรียบร้อย เล่นเอาซะภูมิเหงื่อไหล อาบแก้ม
“เหนื่อย เหมือนกันนะนี่ ...เดี่ยวไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ภูมิพูดคนเดียวในบ้าน มองซ้ายมองขวาไปในตัวบ้านขณะที่อยู่คนเดียวยามนี้ ช่างเงียบเหงาอ้างว้าง น่ากลัวซะเหลือเกิน........ ใครคนใดคนหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวสมอง ถึงแม้ว่าไม่รู้ว่าเขาจะคนอย่างที่ครูดวงใจบอกหรือเปล่า แต่ก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวซะอีก ภูมิคิดในใจ ก่อนที่จะตัดความรู้สึกกลัว กลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น ออกจากความคิด
หลัง จากที่อาบน้ำชำระร่างกายเป็นที่เรียบร้อย ก็รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวมากขึ้น ... ภูมิเดินไปยังเก้าอี้โซฟารับแขก ในตัวบ้านที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างดีพอสมควร ก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลง จัดการกับหนังสือในมืออย่างเพลิดเพลินใจ อักษรสำนวนปรัชญาชวนให้แง่คิดดีดีในหนังสือเล่มนี่เป็นที่ถูกใจซะเหลือ เกิน.......ขณะที่อ่านไปสายตาก็ชำเลืองไปเห็นภาพใครคนหนึ่ง ในชุดครุยขณะที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ข้างๆกายมีครูดวงใจยืนยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวลูกชาย
“หน้าตายังกะพระเอกหนังแนะ….”
“อย่าบอกนะ ...ว่าเป็นพี่แซม...”
ภูมิคิดในใจพลางวางรูปนั้นวางลงที่เดิม แล้วหันมาสนใจกับหนังสือในมือต่อไป
รถ จักรยานยนต์เวสป้าคันเท่ห์ขับเข้ามาในบ้าน แสงไฟในบ้านสว่างไสว แสดงว่าใครคนใดคนนั้นของแม่มาถึงแล้วแน่นอน ชายหนุ่มจอดรถไว้ ก่อนที่ขายาวๆแข็งแรงจะเดินไปที่ ก๊อกน้ำเพื่อล้างแขนล้างขา
แซม มักออกกำลังกายด้วยการเล่นบาสเป็นประจำ ชายหนุ่มถอดเสื้อกีฬาแขนกุดออก เผยแผ่นอกแน่นเครียดไปด้วยกล้ามเนื้อ หน้าท้องแบนราบแข็งกล้ามเป็นลอน
ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในบ้าน สายตาเหลือบไปเห็นร่างของใครคนหนึ่ง กำลังนอนหลับในท่วงท่านอนที่หาดูได้ยาก
ท่อนขาเรียวขาวนวล เรียวสวยราวกับแท่งเทียน ยามเมื่อแสงไฟส่องแสงกระทบเข้ากับผิวพรรณของร่างที่นอนหลับอยู่
สะท้อนเข้าสู่ตา เผยให้ชายหนุ่มพึ่งประจักษ์รับรู้แก่สายตาเป็นครั้งแรกว่า ผิวสวย เป็นอย่างไร
เขาก้าวเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น เพ่งมองไปที่ร่างระหง ชดช้อย
“เฮ้ย...ไหนแม่บอกว่ามีครูใหม่ ผู้ชายมาพักด้วยนี่หนา แล้วผู้หญิงคนนี่เป็นใคร”
แซม คิดในใจ ขณะที่มองไปยังใบหน้ามนต์ นอนหลับตาสนิท ขนตาหนาเป็นแพยาวโค้งเป็นธรรมชาติ เครื่องหน้ารูปไข่จมูกโด่ง รับกับพวงแก้มป่องขาวเนียน ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเต็มอิ่มระเรื่อ ลำตัวมีส่วนโค้งเว้าระหง ผู้หญิงคนนี้ไม่แต่งหน้า ไม่ตัดโกนคิ้วเหมือนหญิงคนอื่นๆ แถมยังตัดผมสั้นซะด้วย ชายหนุ่มมองไปที่ร่างบางอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัว จนกระทั้งร่างที่หลับสนิทลืมตาขึ้นมา
“สวัสดีครับ พี่ใช่พี่แซมใช่ไหมครับ” ภูมิรีบลุกขึ้นมายกมือไหว้ สวัสดีชายหนุ่มที่ยืนจ่องมองตนอยู่
“เธอเป็นใคร” แซมไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับเป็นฝ่ายถามสวนกลับซะเอง จนอีกฝ่ายมีสีหน้างงงัน
“เธอ ที่ไหนครับ... ใครหรือครับ... พี่หมายถึงผมหรือเปล่า” ภูมิหันหน้ามองซ้ายมองขวา สีหน้าที่ซื่อตรง บ่งบอกอย่างชัดเจนโดยไม่มีการเสแสร้งแต่อย่างไร ทำให้แซมเริ่มเอะใจอะไรขึ้นมาบางอย่าง
“อย่าบอกนะว่า เธอคือคนที่แม่ บอกว่าจะมาพักที่นี่”
ภูมิพยักหน้าแทนคำตอบ เล่นเอาซะแซมใจหาย เพราะเคยมีผู้หญิงหลายคนที่จ่องจะจับชายหนุ่มไปครอง แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะชายหนุ่มไม่เล่นด้วย
แซมมองสำรวจไปที่ดวงหน้าเนียนอีกครั้ง มองไปลึกๆคนคนนี้มีเค้าของความเป็นชายอยู่บ้าง แต่ก็น้อยซะเหลือเกิน
“เธอ...เฮ้ย...นายเป็นกะเทยหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ครับ”
ภูมิ ตอบคำถามที่ถามตรง... ตรงมากมายซะเหลือเกินอย่างไม่ต้องคิดอะไร...... เพราะใครก็ตามที่ไม่พบคบเคยเห็น รู้จักภูมิต่างก็คิดแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น...มันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะชายหนุ่มหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าภูมิเป็นสตรี...มาเกี้ยวพามาจีบภูมิก็ ยังเคยมีซะด้วยซ้ำ แต่ภูมิเองรู้แก่ใจตัวเองว่า ตัวเองไม่ได้เป็นคนที่รักชอบเพศเดียวกัน... ที่ภูมิบอกตัวเองเช่นนั้นอาจเป็นเพราะว่า... ความรู้สึก..รัก..ยังไม่ได้บังเกิดขึ้นในความรู้สึกเลย เกิดมายังไม่เคยรู้สึกว่ารักใครในเชิงชู้สาว หนุ่มสาวที่รักกันทั่วๆไป เหมือนกับว่า... สวรรค์รอ..รอให้ถึงเวลา..เวลาที่จะได้รัก..
“แน่นะ” แซมถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“แน่.....ครับผม”
แซม จ่องมองพิจารณาคนเบื้องหน้าอย่างละเอียดถี่ยิบ ตั้งแต่หัวจรดเท้า หน้าอกของหนุ่มน้อยที่แบนราบ... สะโพกกลมกลึงได้สัดส่วน ..เอวคอดกิ่ว... แขนขาวเรียวเนียน ..
“โห......” แซมพูดพร้อมกับทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“อะไรหรือครับ”
“นายเหมือนผู้หญิงมาก”
“แต่ผมไม่ได้เป็นผู้หญิงนะ..และผมก็ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”
“มองดูดีดี นายเหมือนผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย (เจ้าฮ่ะ) หรืออาจจะเหมือนกะเทย”
“ผมไม่ได้เป็นอย่างที่พี่แซมพูดซักอย่างเลยครับ”
“อื้ม....... เชื่อ........พี่เชื่อ...........แล้ว” ชายหนุ่มยืนยันความเชื่ออีกครั้ง เมื่อมองเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายทุกข์ใจ
“ที่พี่ถามไม่ใช่อะไรหรอก พี่ชอบแบบนั้น ..ต่างหาก...หุหุ” แซมพูดทีเล่นทีจริง
“ไหนขอพิสูจน์หน่อย” ชายหนุ่มโยนเสื้อไปที่โซฟา
“พิสูจน์อะไรพี่..”
“อยู่นิ่งๆ”
แซมก้าวเดินเข้าไปอย่างชิดใกล้ พร้อมกับจับตัวภูมิหมุนตัวไปมาหลายสิบรอบ มือลูบจับตามเนื้อตามตัว บีบแขน บีบขา
ชาย หนุ่มยื่นมือไปที่หน้าอก....แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจ....ท้ายสุดก็เอามือใหญ่ขยี้ ผม ให้กระเซอะกระเซิง ยุ่งเหยิงแล้ว... หัวเราะชอบใจ แกล้งน้องใหม่อย่างขำขำ
“พี่แซม ภูมิเจ็บนะ”
“โห่..แค่นี่เจ็บ..พี่ทำค่อยๆเอง..”
“ค่อยๆของพี่ แต่กับคนอื่นมันไม่ค่อยนะครับ “
“ได้ ๆงั้นเดี่ยวพี่ทำเบาๆ” แซมพูดแล้วยิ้มที่มุมปาก มือของเขาลูบหัวไปมาอย่างแผ่วเบา
ภูมิมองไปที่หน้าคมเข้ม ที่เป็นคนคนเดียวกับคนในรูป ...แต่ที่ที่ไม่เหมือนก็ดูจะเป็นความหล่อ ตัวจริงดูดีกว่าเป็นเท่าตัว
ร่าง สูงใหญ่นั่งลง ในขณะที่ภูมิเองยืนอยู่...สองมือของเขาคว้าไปที่มือนุ่มข้างซ้ายของภูมิไว้ ...ก่อนที่จะบีบมือเบาๆ...ครู่หนึ่งมือใหญ่ของเขาก็คว้าไปที่เอวคอด รั้งให้เข้ามาชิดใกล้
“พี่...พอเถอะ...เลิกพิสูจน์ได้แล้ว” ภูมิพูดขึ้นมา เมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มเริ่มกอด
“แหม.. กำลังสนุกเลย...หุหุ..”
“แล้วนี้เรากินอะไรแล้วยัง”
ภูมิสายหน้า เขายังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากมื้อเช้า และตอนนี้ก็รู้สึกหิวเหมือนกัน
“รอ พี่อาบน้ำแป๊บเดียวนะ เดี่ยวจะพาออกไปหาอะไรกินที่ตลาดกัน ฉลองต้อนรับน้องใหม่” เขาพูดเสร็จก็เปิดประตูห้องของเขาเองที่อยู่ติดๆกัน ครู่หนึ่งก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่พันกายส่วนล่างเท่านั้น บ่ากว้างกับช่วงเอวสอบได้รูป หน้าท้องแบนราบเป็นกล้าม ขนไรไรจากบริเวณหน้าท้องไล่ลงมาจนถึงผ้าขนหนูที่พันรอบเอวอยู่ ช่วงขาที่แข็งแรงและมั่นคง
ไม่ผิดแปลกเพี้ยนไปจากนายแบบ ที่พบเห็นในหน้าหนังสือนิตยสาร หรือตามรายการโทรทัศน์
“อาบด้วยกันมะ”
ชายหนุ่มหันหน้ามา ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ
รูปร่างของพี่แซมที่ดูดี สมชายชาตรี ดูดีไปทั้งตัว ตรงข้ามกับตัวเองที่กลับมีรูปร่างคล้ายสตรีเพศ
มี สาวประเภทสองหรือแม้แต่ผู้หญิงหลายคนที่กลับอิจฉาในรูปร่างระหง จนบางครั้งภูมิกลับไม่แน่ใจว่าตัวเองเกิดมาโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ ที่การที่มีรูปกายตรงกับเพศเป็นอะไรที่น่าปรารถนาเป็นที่สุด
ภูมิ ออกมานั่งรอที่ม้านั่งข้างนอกบ้าน หัวสมองคิดอะไรมากมาย ความรู้สึกวิตกกังวล ความรู้สึกที่ตื่นเต้นกับประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ คละเคล้ากันไป อนาคต.....ชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร อนาคตจะดีหรือร้ายเพียงไหน ... ร่างบางนั่งตบยุงที่ต้นขา .. (เราไม่น่าใส่กางเกงขาสั้นเลย) ภูมิคิดในใจ
“ปะ...” เสียงเข้มนั้นออกมาพร้อมกับตัวเจ้าของเสียง ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เสื้อยืดสีขาวล้วน กับยีนสีซีด ทำให้เขามองดูเท่ห์มากมาย
“รอแปบนะ” แซมวิ่งเข้าไปในบ้านอีกครั้งเหมือนว่าลืมอะไรบางอย่าง ครูหนึ่งก็ออกมาพร้อมกับเสื้อแจ๊กเก็ตตัวใหญ่
“เดี่ยวภูมิขับรถให้พี่หน่อยนะ ..จะได้รู้จักที่รู้จักทางไง”
“ได้ครับ”
“อะ นี่เสื้อใส่ซะ อากาศเย็นเดี่ยวจะไม่สบาย”
ภูมิ สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำตัวใหญ่ของเขา ที่ใส่แล้วอบอุ่นกายไม่ผิดไปจากที่เขาพูด เสื้อตัวใหญ่ชายเสื้อที่ยาวจนเลยกางเกงขาสั้นที่ภูมิใส่อยู่ มองดูเผินๆเหมือนคนไม่ใส่กางเกงเลย ดูโป๊ๆยังไงไม่รู้
-----------------------------------------------------------
“พี่แซม ทำไมตลาดมันอยู่ไกลจังอะพี่” ภูมิถามแซม เมื่อขับรถมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงตลาดสักที
“ไม่เห็นไกลเลย... พี่ขับมาห้านาทีเอง”
“โห่ ... นี่นะไม่ไกล..”
“ขับไปเหอะน่า” เขากระซิบบอกแนบชิดกับใบหู เล่นเอาอีกฝ่ายสะท้านจนขนลุก
มือข้างซ้ายของภูมิตวัดแขนไปข้างหลัง ฟาดไปที่ลำตัวเบาๆ ของชายหนุ่มที่บังอาจมาแกล้งตน
“ผู้ชายอะไรขี้บ่นไปได้” เขากระซิบแนบชิดที่ใบหูอีกเป็นครั้งที่สอง
“ผู้ชายอะไร.. แอบหอมแก้มผู้ชายด้วยกัน” ภูมิสวนกลับคืน หวังว่าอีกฝ่ายจะหยุด แต่ไม่เป็นดังที่ตนเองคิด
“พี่อะ..ชอบผู้ชายด้วยกัน” คำตอบที่ออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ ที่ดูไม่ออกว่าพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ก็ทำให้ภูมิถึงกับใจเต้น
“มามะ.... ทำอะไรชักช้าอย่างนี้อีกห้าวันก็ไม่เสร็จ”
“เดี่ยวพี่ทำเอง”
ภูมิชะลอความเร็วรถให้ช้าลง เพื่อที่จะจอดรถสลับเปลี่ยนให้แซมเป็นฝ่ายขับ ตนเองเป็นคนซ้อน
“จอดทำไม ไม่ต้องจอด นั่งข้างหน้านั้นแหละดีแล้ว....”
แซม ยื่นมือยาวยาว ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ โดยมีร่างบางที่ซุกอยู่ที่อกอุ่น ชายหนุ่มชะเง้อใบหน้าวางลงบนไหล่บางของคนนั่งข้างหน้า เป็นการพักคอไปในตัว และเป็นการหยอก
“พี่แซม...หนัก”
“โห่... อะไร...ขี้บ่นไปได้” แซมพูดพร้อมกับวางหน้าบนไหล่บางพร้อมกับทำหน้าที่คนขับต่อไป
“พี่แซม เคราพี่มันจิ๋มโดนเนื้อ”
“แล้วเป็นไงบ้าง” แซมถามสวนกลับมา ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด รับกลิ่นหอมจางๆจากผิวกายของภูมิ
“เจ็บดิ..ถามได้”
“ธรรมดา ...แรกแรกก็เจ็บอย่างนี้แหละ...นานนานไปเดี่ยวก็ดีเอง..เชื่อพี่”
ภูมิ นั่งนิ่งๆ เป็นนานทีเดียว ไม่เห็นว่าจะหายเจ็บอย่างที่ผู้เป็นพี่ชายบอกเลย กลับรู้สึกเจ็บมากขึ้นต่างหาก คราวนี้ภูมิต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะนำหน้าของพี่ชายออกจากไหล่
“อ๊ะ” แซมร้องออกมา เมื่อคางของตนถูกกระแทกจากการยักไหล่
“กล้าทำพี่เหรอ”
“ภูมิไม่ได้ทำอะไรพี่นะ .. ภูมิแค่ยักไหล่ของภูมิ เพราะไหล่มันตัวของภูมิ..พี่ไปโดนมันเองนิ”
“เออ..” แซมแกล้งส่งเสียงซีเรียส ขับรถเงียบกริบตลอดทาง
*************************************************************************
ในที่สุดก็มาถึงซะทีหลังจากที่นั่งรถมา เกือบสองชั่วโมง
เหล่าวัยรุ่นต่างพากันมาเดินจับจ่ายใช้สอย เที่ยวตลาดไนท์ถนนคนเดินกันอย่างสุขใจ
ผู้คนในตลาดต่างเพ่งมองไปยังคู่หนุ่มสาวที่เดินเคียงคู่กันคู่หนึ่ง อย่างไม่ลดละสายตา ภาพที่ทุกคนเห็นคือ
ผู้หญิง หน้าหวานสวย ...สวยมาก.... ผมทรงบ๊อบที่ยุ่งเหยิงโดยมีชายหนุ่มรูปหล่อ หล่อมากนำฝ่ามือใหญ่ที่แกล้งบรรจงขยี้เส้นผมไปมา ฝ่ายหญิงปัดมือออก แล้วตีลงไปที่ต้นแขน มองดูแล้วเหมือนเป็นการหยอกล้อกันของคนรัก
“ภูมิ ภูมิ...เดี๋ยวมาตรงนี้ก่อน” แซมสะกิดหัวไหล่พร้อมกับเดินเข้าไปหลบที่ร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง
“ภูมิช่วยไรพี่อย่างสิ”
ภูมิมองหน้าคนที่เอ๋ยขอร้อง
“ช่วยแสดงตัวเป็นแฟนพี่หน่อย”
“อะไรนะ”
“พี่บอกว่า ช่วยทำตัวเป็นแฟนพี่หน่อย”
“ไม่เอา” ภูมิปฏิเสธทันควัน
“นะ นะ พี่ขอร้อง ”
แซมพูดพร้อมกับคว้ามือของภูมิมากุมไว้
“นะนะ... พี่ขอนะ..”
ภูมิ มองไปข้างหน้า มีผู้หญิงสองคน..เอ๊ะ..ไม่ใช่สิ.... อีกคนหนึ่งน่าจะเป็นสาวประเภทสอง... ดูจากไหล่ที่กว้างกว่าผู้หญิงปกติทั่วไป ท่าทางจริตจะก้าน เดินนวยนาดยังกับว่าตนกำลังประกวดนางงามยังไงยังงัน...หน้าตาของทั้งสองจัด ได้ว่า .. สวย ..สวยคนละแบบ....เสื้อผ้าหน้าผมถูกแต่งแต้มอย่างดี กำลังเดินสวนมา .. ทรวงอกที่ใหญ่ไซร้พิเศษ
จงใจอวดเผยให้เห็นเนินขาวๆ เป็นที่สะดุดตาแก่ชายหนุ่มที่ผ่านไปผ่านมา.. จนเก็บเอาไปฝันได้เลย ..
ครู่ หนึ่งเธอทั้งสองก็เดินมาถึง สายตาของสองสาวมองมาที่ภูมิ ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ไม้รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปทำอะไรให้เธอสองคนโกรธนักหนา ถึงได้มองด้วยสายตาแบบนั้น
“แซมค่ะ”
หญิง สาวที่เป็นหญิงแท้ เดินเข้ามาประชิดตัวคว้าแขนเข้าไปกอดกุมทันที แขนของชายหนุ่มคงถูกกับอกนุ่มอย่างจงใจ พร้อมกับท่าทางที่แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างเต็มที่
“แซมหายไปไหนมาค่ะ รู้ไหม “ปู” คิดถึงแซมแทบแย่”
ผู้หญิงคนที่ชื่อ “ปู” ซบหน้าลงที่ไหล่กว้าง อย่างไม่อายสายตาผู้คนที่มองมา จนชายหนุ่มมีสีหน้าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
สี หน้าแบบนี้เล่นเอาผู้เป็นน้องชาย ยิ้มร่าหัวเราะอย่างสุขใจ ก่อนที่จะก้าวหนีไปให้พ้นๆ ทิ้งให้เจ้าพี่ชายรูปหล่อจัดการกับแม่สาวงามนี้เอาเองละกัน
“โทษที..ปู..ผมมากับคนรัก..” แซมแกะแขนที่กอดกุมตัวเองไว้ เดินมาคว้าที่ต้นแขนของร่างบางๆที่กำลังเดินหนี
“ไหนว่าจะช่วยพี่ไง” แซมกระซิบ
“โอ๊ย..พี่แซม..แล้วภูมิจะช่วยพี่ยังไงเล่า”
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ตอบคำถาม ร่างอรชรของสองสาวก็ทะยานเข้ามา
“แซมค่ะ... แซมว่าใครเป็นคนรักของแซมนะ” ปูถามชายหนุ่มขณะที่ลูกตาจ่องมอง ไปที่ตัวภูมิ
“อย่าบอกนะค่ะว่า.... ยัยชะนีกะโปโลคนนี่ เป็นคนที่คุณแซมพูดถึง” สาวประเภทสองเพื่อนของปู ส่งเสียงพูดซะจี๊ดจ๊าด เสริมทับเข้ามาอีกคน
“ใช่ ค่ะ ..ดิฉันเป็นคนรักของคุณแซมเอง..” ภูมิพยายามพูดให้น้ำเสียงแนบเนียนคล้ายสตรีให้มากที่สุด และภูมิเองก็ตีบทแตกเปรี้ยง ได้รับรางวัลโทรทรรศน์ทองคำปี 2552 ซะทีเดียว สองสาวดูไม่ออกเลยว่าภูมิเป็นอะไรกันแน่
“นี่เธอ...ช่างกล้านะยะ...คงยังไม่รู้ตัวละสิว่า..ตัวเองกำลังเป็นนางบำเรอ..ของแซมอยู่”
ปู เน้นคำพูด ที่ส่อเสียดซะเจ็บไปถึงเสี้ยวหัวใจ สงครามแย่งผู้ชายกำลังจะเกิดขึ้น ผู้คนมามุงดูมากขึ้นทุกที และดูเหมือนชาวไทยมุงยิ่งเยอะ สองสาวกลับยิ่งชอบใจ เพราะงานนี้ได้ด่าประจาร ผู้หญิงที่บังอาจมาแย่งคนรักของตนเอง
“นาง บำเรอ..เหรอปู...ว้าย...นางบำเรอก็คือคู่นอนของผู้ชาย..ยามที่น้ำแตก กระจาย..ก็ถูกทอดทิ้ง” สาวประเภทสองเพื่อนสาวของปู พูดเสริมทับศึก..เป็นการใหญ่”
“ไม่ใช่นะ” แซมพูดแทรกขึ้นมา
“แซมค่ะ... ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ... ปูเป็นอะไรกับแซม แซมเองรู้แก่ใจดี” ปูพูดขึ้นมาแสดงตัวตน
“แซมค่ะ...แป้งเบื่อค่ะ..แป้งไม่ชอบบรรยากาศแถวนี่....”
“ไม่ชอบหล่อนก็ไปสิ...มัวมายืนอ๋อยผู้ชายอยู่ได้”
“ใช่สิ..นังชะนีหน้าด้าน..ตัวอิจฉาแย่งคู่ขาสามีชาวบ้านคนอื่น ..”
“แซม ค่ะ..แป้งไม่รู้นะค่ะว่าแป้งเป็นนางบำเรออย่างที่โดนกล่าวหาอยู่รึเปล่า... แป้งไม่อยากจะยื้อแย้งผู้ชายกับใครโดยเฉพาะผู้หญิงคนนี่ เพราะมันต่ำเกินไป...แซมเลือกเอาเองนะค่ะ ว่าจะไปกับนางบำเรอหรือว่าตัวอิจฉาอย่างแป้ง...หรือว่าจะเลือกไปกับนางเอก ผู้แสนดีคนนี้” น้ำเสียงที่นิ่งดังสายน้ำลึกและเยือกเย็น ของภูมิเล่นเอาซะแซมเองใจหายไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี้คือละคร หรือชีวิตจริงกันแน่
ร่างบางเดินหลีกหนีวงล้อมของผู้คนออกไป ทิ้งไว้ให้ผู้เป็นพี่ชายจัดการเคลียร์ปัญหาเอาเอง
“ปู... พี่ว่าปูเลิกยุ่งกับพี่ดีกว่า... พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับปูเลย... ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่พี่รัก และอยากจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตนี้เพื่ออยู่กับเธอ พี่หวังว่าปูคงเข้าใจและเลิกยุ่งกับพี่อีก..”
ชายหนุ่มแกะมือของหญิงสาวออก แล้วรีบวิ่งตามตัวจริงของเขาไป
“ปู... คุณแซมเขาเลือกนังชะนีกะโปโล”
“ฉันรู้ย่ะไม่ต้องมาย้ำ”
วงล้อมของคณะไทยมุงเริ่มกระจายตัว พร้อมกับเสียงหัวเราะ
“แซมนะแซม... คิดว่าตัวเองพิเศษนักหรือไง... คนอย่างปู...มีปัญญาหาผู้ชายที่ดีกว่าเป็นสิบเท่า คอยดูก็แล้วกัน”
**************************************************************************
แซม เดินจับมือภูมิเดินไปทั่วตลาด การเดินควงกันครั้งนี้เหมือนเป็นการเปิดตัวคู่รักคู่หวาน ไปในตัว เป็นการประกาศให้ทุกคนรับรู้โดยทั่วกันไปเลยทีเดียว
“ภูมิเลยกลายเป็นไม้......เลย เฮ้อ!!”
“หือ” อีกฝ่ายทำหน้างงขณะที่กำลังหยิบแก้วน้ำดื่ม หลังจากที่อิ่มท้อง
“ไม้ กันหมาไง วันดีคืนดีแม่สาวๆพวกนั้นไม่รุมทำร้ายภูมิแย่เหรอ” ภูมิกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ร้อนใจยิ่งนัก ตรงข้ามกับแซมที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“เดี่ยว พี่จะคุ้มครองน้องแป้งเอง ที่รักของพี่” ชายหนุ่มพูดไปพลางหัวเราะไป อย่างขำขำ แต่ภูมินี่สิกลับไม่ขำด้วย...นั่งหน้าเครียดจัด…
“เอาเป็นว่า..พี่ขอโทษก็แล้วกัน..และก็ขอบคุณคุณน้องภูมิมากมาก ...”
“พี่ แซมอย่าทำแบบนี้อีกนะ...ทุกคนเกิดมาล้วนมีหัวใจด้วยกันทั้งนั้น ...อย่าใช้รูปกายของตนเองมาเป็นเครื่องมือช่วย.......หากว่าไม่ได้รัก..ไม่ ได้คิดอะไร..ก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเขา” น้ำเสียงที่จริงจัง แฝงไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่มากมาย ของภูมิ ทำให้แซมถึงกับขำไม่ออก
“พี่ขอโทษ” เสียงเข้มที่เอ๋ยคำขอโทษด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสำนึกผิด
“พี่ไม่ต้องขอโทษภูมิ..และไม่ต้องมาขอบคุณอะไรภูมิด้วย”
“ทำไม” แซมถามพลางจ่องตาคู่งาม ที่จ่องกลับมาเช่นกัน
“พี่ แซมต้องไปขอบคุณ ผู้หญิงที่ชื่อแป้งต่างหาก...” ผู้เป็นน้องชายลุกขึ้น ด้วยสีหน้าที่เอาเรื่องทีเดียว ก่อนที่ร่างบางจะลุกขึ้นเดินหนีไป
“เฮ้ย...จะไปไหน..”
“ไปซื้อของ”
“เดินหนีพี่ทำไม...ทำยังกะเป็นเจ้าของสถานที่”
“ไม่หลงหรอก..อ่านหนังสือออก”
ผู้เป็นน้องชายต้องหยุดเดินแทบทันทีเมื่อแขนนุ่ม ถูกคว้าไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะปัดมือนั้นออก แต่ไม่สำเร็จ
“พี่แซมจะกลับก่อนก็ได้นะ ...ภูมินั่งรถรับจ้างกลับเองได้...”
“ภูมิ......... พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้นนะ.. เธอเองต่างหากที่เป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาหาพี่เอง ...ไม่งันพี่คงไม่ให้ภูมิช่วยพี่หรอก..พี่เองไม่ใช่คนที่จะไปร้ายจิตใจ ผู้หญิง...พี่แคร์ความรู้สึกของทุกคน แต่กับ ...ปู..ถ้าพี่ไม่ทำอย่างนั้นเธอคงไม่มีวันเลิกยุ่งกับพี่แน่ .....พี่ไม่ใช่คนแบบนั้นนะ” สีหน้าที่เครียดจัดของชายหนุ่ม ทำให้ผู้เป็นน้องชายถึงกับอดกลั้นหัวเราะไม่อยู่
.....
“นี้แกล้งพี่เหรอ...”
“โธ่...พี่แซมก็..พี่แซมแกล้งภูมิมาตั้งเยอะ...เอาคืนนิดหน่อยเอง”
“ร้ายนักนะเรา”
“ก็...มีบ่าง ...นิดหน่อย” พูดเสร็จ ร่างบางก็หัวเราะพร้อมๆกับเดินเข้าไปในมินิมาร์ท
ไม่ น่าเชื่อเลยว่าระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ได้รู้จักพูดคุยกัน ทำให้แซมรู้สึกมีความรู้สึกมากมาย ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตหนุ่ม การที่ได้หยอกล้อ พูดจากวนปราสาท แกล้ง มันทำให้หัวใจของชายหนุ่มกระชุ่มกระชวยขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ขณะที่เดินเลือกซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับสมาชิกในบ้านคนใหม่ ในมินิมาร์ท ชายหนุ่มเลือกซื้อของใช้สำหรับตัวเองและก็น้องชาย
ภูมิ ขยับตัวหนีแซม ที่กำลังเอาคืนตัวเองด้วยการกอดเอว กอดคอ ในมินิมาร์ทโดยไม่อายพนักงานบริการสักนิด ร่างบางหยุดอยู่ที่กระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ทั้งตัว รู้สึกน้อยใจในรูปลักษณ์ที่เป็นสตรีในเพศบุรุษ
“หล่อแล้ว” แซมให้กำลังใจ เด็กหนุ่มที่มีสีหน้าเครียด เมือมองเห็นสารรูปของตัวเองในกระจกเงา
“ปะ ..กลับบ้านกัน” เขาพูดพร้อมกับเอามือขยี้ผมให้ยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง พร้อมกับยิ้มหัวเราะชอบใจ
“สาวเกาหลี” ผู้คนที่พบเห็นต่างต้องพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันแน่ ว่าภูมิเป็นสาวเกาหลี น่ารักซะน่ามอง
..........................
ขากลับแซมทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ไม่ถึง ห้านาทีก็ถึงบ้าน เล่นเอาซะจนภูมิแปลกใจเป็นอย่างมาก
“พี่... พี่แกล้งภูมิอีกแล้วนะ” ภูมิตัดพ้อขณะที่วางของใช้ส่วนตัวที่ซื้อมา วางลงบนโต๊ะ
“แกล้ง เกลิ้อง อะไรกัน”
“เนียนมากเลย พี่แซม.....ตลาดอยู่ใกล้แค่นี่เอง ขาไปให้ภูมิขับอ้อมเป็นชั่วโมง”
“หุ หุ หุ หุ หุ ทำไมไม่คิดว่าพี่อยากให้ภูมิรู้จักถนนหนทาง แถวนี่บ้างละ .....คิดบวก.....เป็นไหม”
“อื้มๆ ครับๆ บวกก็บวก” ภูมิพูดพร้อมกับเตรียมจะเปิดประตูห้องนอน แต่ต้องชะงัก เมื่อต้นแขนถูกมือใหญ่แข็งแรง รั้งเอาไว้ซะก่อน พร้อมกับส่งสายตากวนๆ
“มา นอนด้วยกันข้างนอกไหม นอนในห้องอึดอัดนะ ต้นไม้ในบ้านมีเยอะ ครูวิทยาศาสตร์น่าจะรู้นะว่าต้นไม้คายก๊าซอะไรในตอนกลางคืน” ใช่อย่างที่เขาพูด บริเวณในตัวบ้านเต็มไปด้วยไม้เล็กใหญ่ประดับตกแต่งมากมาย
“แล้วปกติพี่นอนตรงไหน”
ชายหนุ่มใช้สายตา เป็นคำตอบ
ภูมิมองไปยังหลังตู้ที่มีชุดเครื่องนอนคุณภาพดี พับเก็บไว้หลังตู้ กับเครื่องปรับอากาศช่วยเพิ่มออกซิเจนขนาดกะทัดรัด
“หุหุ.....ภูมิว่าภูมินอนในห้องดีกว่า”
“ตามใจแล้วกัน แล้วอย่าหาว่าพี่ไม่บอกน้า........”
********************************************************************************************
ภูมินอนหลับกระสับกระส่ายไปมา รู้สึกตัวอีกที ก็อยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง.....ที่นี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“เฮ้ย” ภูมิตกใจกับสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา ขยับตัวถอยหลังอย่างหวาดผวา มันมีแววตาที่เกรี้ยวกราด...หน้าตาขาวซีดเผือดเ[อย่าโพสคำหยาบ]่ยวย่น ดวงตามีสีแดงคม.... ส่งเสียงแผดร้องดังก่องไปทั่วท้องอาณาบริเวณ และเริ่มมุ่งหน้ามาหาตน ภูมิอยากจะวิ่งหนีมันเสียให้พ้นๆ แต่ทำไมขาทั้งสองกลับไม่เป็นใจเอาซะเลย อยากจะวิ่งแต่ก็วิ่งไม่ได้ ขาทั้งสองชาไปหมด ได้แต่กระเถิบร่างตัวเองถอยหนี ปีศาจร้ายเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ทุกที ยิ่งเข้ามาใกล้เท่าไร รูปร่างหน้าตาของมันก็เผยรูปลักษณ์อันน่าเกลียดน่ากลัว เป็นเท่าตัว
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังก้องไปทั่วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเลย
“เลือด เลือด ข้าอยากกินเลือด” เสียงแจ๊ดๆแสบแก้วหู เป็นเสียงร้องของปีศาจร้ายตนนั้น
“เจ้าหนุ่มน้อย ทำไมตัวเจ้าช่างน่ากินซะเหลือเกิน เลือดของเจ้าคงเข้มข้น หวานกลมกล่อมเป็นแน่แท้ ฮ้าๆๆ”
ปีศาจร้ายตนนั้นพูด พร้อมกับแผดเสียงร้องดังก้องไปทั่ว
“ได้โปรดเถิด อย่าทำอะไรผมเลย”
“ฮ่า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ่า เจ้าจะร้องขอความช่วยเหลือ ให้มากความไปทำไม ยังไงซะ เจ้าก็ต้องเป็นอาหารของข้า”
พูดเสร็จ ปีศาจร้ายก็แผดเสียงร้องดังก่องกังวานไปทั่วอีกครั้ง
“ได้โปรดเถอะ...”
ปีศาจตนนั้นหาได้ฟังคำร้องขอของเด็กหนุ่ม แต่กลับกรี๊ดร้องออกมาด้วยความสาแก่สมใจที่จะได้อาหารอันโอชะ
“อย่า อย่า” ภูมิร้องตะโกนอย่างสุดเสียง
“ภูมิ..ภูมิ...เป็นอะไรหรือเปล่า”
เสียง เคาะประตูห้อง ถูกเคาะอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีวี่แววว่า คนในห้องนอนจะตื่น แซมตัดสินใจนำกุญแจห้องสำรองที่เก็บเอาไว้ไขประตูห้องเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจเป็นที่สุด ชายหนุ่มยื่นมือของตนตบที่แก้มของภูมิเบาๆ ครูหนึ่งร่างที่กำลังหลับตาสนิท นอนกระสับกระส่ายดิ้นไปดิ้นมาก็ลืมตาขึ้น
“เป็นไงบ้าง .. ร้องซะดังลั่นบ้านไปหมด”
บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเป็นบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน ภูมิรู้สึกดีใจมาก กระโจนเข้าไปกอดกุมผู้เป็นพี่ชาย
“พี่แซม” ภูมิพูดเสร็จก็ลุกขึ้นสองมือคว้าลำตัวของแซมกอดกุมซบหน้าที่แผ่นหลังเปลือยของชายหนุ่ม เหมือนว่าเป็นเกราะกำบังตนอย่างดี
“ภูมิ ... ตื่นได้แล้ว ..ฝันร้ายนะเรานิ” แซมเรียกสติของภูมิให้กลับคืนมา มือลูบหัวและเนื้อตัวของเด็กหนุ่มไปมา
“ฝัน... ฝันเหรอ....” สองมือที่โอบกอดซบหน้าที่แผ่นหลังของชายหนุ่ม ผละออกอย่างรวดเร็ว แต่ฝ่ายที่แข็งแรงกว่าไม่ยอมปล่อยตัวง่ายๆ
ภูมิ มีความรู้สึกอาย มือทั้งสองของภูมิ แกะมือของชายหนุ่มที่กอดกุมร่างของตนไว้ออกจากตัวผู้เป็นพี่ชายอยู่ในสภาพ ที่เปลือยกายสวนบน กับกางเกงขาสั้นตัวหนึ่งเท่านั้น
“ฮ้า ๆๆๆ ฝันเห็นอะไรเหรอภูมิ”
“ฝันร้ายอะพี่”
“อื้ม.. ฝันน่ากลัวมากไหม”
ภูมิมองไปที่อีกฝ่ายที่กำลังหัวเราะชอบใจ กับอาการวิตกกังวล หวาดกลัวของตน
“ไม่ตลกนะพี่”
“ตลกดิ” แซมพูดไป หัวเราะไป
จน ภูมิต้องเมินหน้าหนี ไม่ชอบใจที่มีคนมาหัวเราะเยาะ ร่างบางลุกขึ้นก้าวเดินไปยังห้องน้ำล้างหน้าล้างตา แล้วเดินกลับมาที่ห้องนอนของตนอีกครั้ง เวลาพึ่งผ่านมาไม่นานนี่เองแสดงว่าทันทีที่เข้านอน แล้วก็หลับภูมิก็ฝันร้ายทันทีเลยหรือนี่ แล้วอย่างนี่จะกล้านอนต่อไหมหนอ คืนแรกก็ฝันร้ายซะแล้ว คิดไปคิดมาภูมิก็ทอดตัวลงนั่งบนเตียงนอน ซึ่งตอนนี่โล่งปราศจากเครื่องนอน หมอน ผ้าห่ม แม้แต่ชิ้นเดียว
ประตู ห้องถูกเปิดอีกครั้ง พร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มนามว่าภูมิ ยืนมองมาที่ตน แซมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ชายหนุ่มเปิดโคมไฟเล็กๆ นั่งทำงานของตน
ภูมิ ก้าวเดินช้าๆ ไปยังพื้นที่ที่แซมจัดใช้เป็นที่นอน ก็พบชุดเครื่องนอนของตนถูกปูวางไว้ข้างๆแนบชิดกันกับชุดเครื่องนอนของพี่เขา ภูมิไม่พูดอะไรต่อไปทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนที่แซมจัดไว้ให้ หัวถึงหมอนไม่นานก็หลับทันที......หลับสนิทและฝันอีกครั้ง หากแต่คราวนี่เปลี่ยนจากฝันร้ายกลายเป็นฝันหวานแทน
แซม นั่งทำงานของตนเองไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับชำเลืองมองไปที่ร่างที่หลับสนิทนอนด้วยท่านอนที่หาดูแบบสดสดได้ ยาก.... ครู่หนึ่งเขาก็เก็บงานของตน เตรียมตัวเข้านอน เขาชอบนอนถอดเสื้อ เพราะว่ามันเย็นสบาย โล่งตัวดี
แล้ว ชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง กลิ่นหอมจางๆ ของคนที่นอนข้างๆ กระตุ้นต่อมประสาทส่วนหนึ่งในกายของชายหนุ่ม อย่างที่แซมไม่เคยรู้สึกแบบนี่มาก่อน ยิ่งยามใดที่คนข้างๆนอนขยับตัวไปสัมผัสกับกายของชายหนุ่ม ยิ่งเพิ่มความรู้สึกพิเศษตามธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เนื้อตัวของภูมิ นุ่มเนียนมากมาก ก็ผิวเขาสวยนี่หนา แต่แปลกที่เป็นผู้ชายเท่านั้นเอง ถ้าเป็นสตรีเพศ แซมคงไม่ปล่อยให้เธอนอนลอยนวลเป็นแน่แท่

แสงแดดยามเช้า ส่องแสงผ่านม้านหน้าต่าง กระทบกับม่านตาของภูมิ
“เช้า แล้วหรือนี่” ภูมิคิดในใจ เตรียมตัวที่จะลุกขึ้นนอน แต่ก็ต้องตกใจในสภาพการนอนของตนเอง ร่างของตนที่กำลังนอนตะแคง มือข้างหนึ่งของตัวเองพาดวางไว้ที่บริเวณอกกว้างของเขา โดยมีมือของแซมกุมมือนั้นไว้
“กรรม!! นี่เรานอนกอดพี่แซมทั้งคืนเลยหรือนี่”
ว่า แล้วภูมิก็ค่อยๆ แกะมือออกจากการกุมมือของเขาออกอย่างเบามือ มองไปที่ร่างของผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งในยามที่หลับสนิทไม่รู้ตัวก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ยามที่มีสติครบครันก็น่าชิดใกล้ เช่นกัน ภูมิรีบลุกขึ้นปัดความรู้สึกเพ้อไร้สาระของตนออกไป
****************************************************************************************
วัน นี่ภูมิขอตัวออกไปทำธุระ โดยที่แซมเองขออาสาพาไป แต่ภูมิก็ปฏิเสธ กลัวว่าตัวเองจะโดนพี่ชายคนนี่แกล้งอีกเหมือนตอนที่อยู่ในตลาด และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเกรงใจนั้นเอง
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นมา คุณครูดวงใจนั้นเองโทรมา
“ว่าไงแซม น้องเขาเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีครับ น่ารักดี มาตอนแรกนึกว่าผู้หญิง”
“น่ารักแบบไหน เรานิ พูดจาแปลกๆ น้องเขาเป็นผู้ชายจริงๆ”
“แซมหมายถึง นิสัยน่ารักนะครับแม่”
“ยังไงก็ฝากดูแลน้องหน่อยนะ แล้วอย่าไปแกล้งเขาละ”
“ครับผม แซมจะดูแลคนของแม่เป็นอย่างดีเลยครับ”
“เดี่ยวเหอะ... แม่หวังว่าแม่คงไม่ได้นำปลาย่างไปให้แมวนะ”
“ไม่หรอกครับ แซมไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย”
“ก็ดี งันแค่นี่ก่อนนะ แม่โทรมาก็แค่อยากฝากดูแลน้องเขาด้วย... เดี่ยวแม่จะไปทำธุระต่อซะหน่อย”
“ครับผม”
สิ้นเสียงจากการวางสายโทรศัพท์ ชายหนุ่มก็กลับมานั่งทำงานของตัวเองต่อ ซึ่งใกล้จะเสร็จแล้ว
ทำ งานไปก็คิดถึงคำพูดของผู้เป็นแม่ไปที่กำชับตนอย่างดี ชายหนุ่มมองไปที่ประตูบ้านหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคุณครูน้องภูมิจะกลับมาซะที ระหว่างที่นั่งออกแบบโครงสร้างตึกอยู่ ครูหนึ่งต้องหันหน้ามองไปที่ประตูบ้าน รอคอยการกลับมาของเจ้าน้องชาย ชายหนุ่มมีความรู้สึกดีที่มีใครสักคนมาเป็นเพื่อนของเขา ในฐานะน้องหรือเพื่อน และในยามนี้ตัวเขาเองรู้สึกเป็นห่วง ……ห่วงผู้เป็นน้องชาย
บ่าย โมงกว่าๆ ประตูบ้านก็ถูกเปิด พร้อมกับใครคนหนึ่งที่เขารอคอย คอยการกลับมา ซึ่งแซมมองไปในระยะไกลยามที่แสงอาทิตย์ส่องแสงกระทบกับผิวกาย รูปร่าง ทรงผมของเด็กคนนี่ ทำให้หัวใจหนุ่มเต้นกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ไปไหนมาทำไมกลับมาซะนานขนาดนี่....” แซมส่งเสียงเข้มดุ จนคนที่ได้ยินถึงกับหยุดนิ่ง
“ไปหาซื้อของใช้ส่วนตัวครับ” ภูมิกล่าวออกไปอย่างคนสำนึกผิด
“ภูมิขอโทษนะครับที่ไปข้างนอกนานไปหน่อย”
“อื้ม” ชายหนุ่มตอบในขณะที่ตาของเขายังก้มมองไปที่แผ่นงานของคนอยู่
“ภูมิขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
ภูมิ เดินเข้าห้องของตน ด้วยความรู้สึกผิดมากมาก เราเป็นเพียงแค่คนอาศัยไม่น่าจะทำให้เจ้าของบ้านต้องมาเดือดร้อน นี่แหละคือปัญหา ที่ภูมิเองปฏิเสธการมาพักที่บ้านของครูดวงใจ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการทำให้ภูมิต้องอยู่ที่นี่ เด็กหนุ่มสัญญาว่า จะไม่ทำให้ตัวเองเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายอีก ภูมิให้คำมั่นสัญญากับตนเอง
แซม มองไปยังร่างๆหนึ่งที่กำลังก้าวเดินมาที่ตน เสื้อยืดธรรมดาสีขาวกับกางเกงขาสั้น ทรงผมบ๊อบที่พึ่งเสร็จจากการสระมาใหม่ๆ ยังไม่แห้งดี ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ของเจ้าน้องชาย เป็นที่สะดุดตายิ่งนัก
ภูมิเดินมาเห็นชายหนุ่ม มองตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า จึงก้มสำรวจตัวเองเป็นการใหญ่
“ภูมิมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับพี่แซม”
“มี”
“อะไรครับ ตรงไหน” พูดไปก็ก้มสำรวจดูตัวเองเป็นการใหญ่ หมุนตัวซ้ายขวา
“สวย”
“หือ ...อะไรนะพี่..ภูมิฟังไม่ชัด”
“เปล่าๆ....พี่พูดเล่น ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก” แซมยิ้มที่มุมปาก
รอย ยิ้มที่ดวงหน้าคมเข้ม ทำให้ชายหนุ่มดูหล่อมากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว ร่างสง่าในเสื้อยืดสีขาว ช่างเข้ากับยีนสีกรมเข้มตัวนี้เหลือเกิน อาจเป็นเพราะว่ามีพื้นฐานดีอยู่แล้ว เสื้อผ้าชุดไหนก็ดูดีไปหมดเพราะคนใส่นั้นเอง ภูมิดีใจที่พี่แซมยิ้มได้ เพราะก่อนหน้านี่ยังทำเสียงซีเรียส ดุดุ
“ภูมิกวนหรือเปล่า”
“ไม่นิ ดีซะอีก กำลังเหงา อยากมีคนคุยด้วย”
แซมมองไปยังน้องชายของตนเอง ที่กำลังนั่งลงใกล้ๆ
“ภูมิขอโทษนะครับ ที่เมื่อเช้าไม่ได้เก็บที่นอน”
“ไม่เป็นไร พี่รู้ว่าภูมิคงกลัวว่าจะทำให้พี่ตื่น ใช่ไหม”
“แหม พี่แซมนี่น่ารักจังเลยนะครับ ไม่น่าละ สาวสาวถึงได้มองตาไม่กะพริบ”
ภูมิ กล่าวชมพี่ชายอย่างจริงใจ พร้อมๆกับทิ้งตัวลงนอนเล่นใกล้ๆกับแซม บนเสื้อกกผืนใหญ่ที่ถูกปูไว้อยู่แล้ว โดยหารู้ไม่ว่าการนอนเล่นของตนเอง อวดรูปร่างอรชร แขนขาวขาว ขาเนียนเนียน ที่ยกขึ้นไปมา ท่วงท่านอนที่พลิกตัวไปมา มันช่างดูสวยงามราวกับดอกไม้ไหวยามปะทะกับสายลมพลิ้ว
“น่ารัก...ก็รักสิ”
“รัก..ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกรักพี่แซมขึ้นมาบ้างแล้ว”
ชาย หนุ่มหลบสายตามองไปที่แผนงานของตนทันที ที่ภูมิหันหน้ามาที่ตนเอง หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นในแง่ของพี่ชายกับน้องชายก็ตาม
“พี่แซมมีอะไรให้ภูมิช่วยไหม”
“ไม่ดีกว่า พี่ว่าเรานอนเล่นไปเถอะ”
“แต่ภูมิอยากช่วยพี่จริงๆนะ นอนเฉยๆน่าเบื่อออก”
“ว่างนักเหรอไง” เขาตอบในขณะที่ตายังมองไปที่แผนงานอยู่ และดูเหมือนจะก้มหน้าก้มตา วาดขีดเขียนอะไรต่อมิอะไรวุ่นวายไปหมด
“ก็อีกตั้งหลายวัน ถึงจะเปิดเทอม”
“แน่ใจนะว่าจะช่วยพี่จริง”
“แน่ใจ”
“สัญญา”
“โอ้โห พี่แซมถึงกับต้องสัญญาเลยหรือนี่ ได้สิครับ สัญญาก็สัญญา”
“งั้น นอนรอแปบหนึ่ง” แซมนั่งทำงานตรวจดูรายละเอียดแบบโครงสร้างบ้านจัดสรร อยู่ครู่หนึ่งก็เก็บอุปกรณ์ทำงานไปเก็บ พร้อมกับเดินกลับมา ในมือถือหมอนใบหนึ่ง เขาขยับตัวเข้าไปนอนคู่กันแบบชิดใกล้ ซะจนภูมิต้องขยับตัวลุกขึ้น
“มะ ได้เวลาทำตามสัญญาแล้ว” พูดยังไม่ทันขาดคำ ชายหนุ่มก็ถอดเสื้อยืดของตัวเองออก นอนคว่ำหน้าฟุบลงที่หมอนนุ่ม
มองไปยังใบหน้าเนียน ที่ทำหน้างงงันสงสัย ว่าพี่ชายจะให้ช่วยอะไร
“นวดให้พี่หน่อย”
“นวด” ภูมิย้อนถามเพื่อความมั่นใจ
“นวดหลังให้พี่หน่อย นวดให้ทั่วๆเลยนะ ทุกส่วนเลยยิ่งดี”
“ได้ๆ แต่ภูมินวดไม่เป็นนะ ..แต่ก็เคยนวดให้แม่บ่อยๆตอนอยู่ที่บ้าน”
กว่า ที่จะตัดสินใจนำมือของตนเองเข้าไปสัมผัส บีบเค้น นวดผิวกายที่แน่นเครียดไปด้วยกล้ามเนื้อ ภูมิต้องตั้งสมาธิก่อนมือน้อยๆ พยายามบีบนวดที่แผ่นหลัง บ่ากว้าง ช่วงเอว ให้มีน้ำหนักมากที่สุด
“เอาตรงนั้นแรงๆหน่อยๆ”
“อะ..อ้า..ดีดี..แรงอีกนิด...อื้ม..เรานิสุดยอดไปเลยเนาะ”
“ก็เป็นธรรมดาของคนหน้าตาดี ที่มีพรสวรรค์”
“สวรรค์ของพี่นะสิ” แซมพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก หลับตาลง
ภูมิ นวดไปได้ครู่หนึ่งก็ต้องหยุดพัก การบีบนวด การเป็นหมอนวดจำเป็นคราวนี่ เล่นเอาซะนิ้วมือชาไปหมด โดยเฉพาะนวดตัวให้กับคนที่แข็งแรงอย่างนี่
“ภูมิพักแปบนะพี่ ตัวพี่แข็งไป...นวดยาก..ปวดนิ้ว “
“พี่ก็ตัวแข็งทั้งตัวนั้นแหละ ยกเว้นใจ”
“พี่แซมกำลังจะบอกว่า ใจอ่อน ใช่ไหม หุหุ มุขนี้แป๊กนะพี่ ”ภูมิยิ้มชอบใจ
“รู้ใจพี่ดีจังเลยเนาะ” แซมพูดพร้อมกับหันหน้ามามอง คนที่กำลังยิ้มเล็กยิ้มน้อยต้องหุบปาก เลิกยิ้มทันที
แซมพลิกตัวนอนหงาย พร้อมกับเอามือชี้มาที่อกของตัวเอง เป็นสัญญานบอกว่า ได้เวลานวดตัวด้านหน้าแล้ว
ภูมิเริ่มทำการนวดให้คุณพี่ชายอีกครั้ง ไล่จากนิ้วมือยาว แขน ไหล ทั้งสองข้าง ไปมาหลายรอบ
แล้วหยุดนิ่ง แต่อีกฝ่ายกลับชี้นิ้วไปที่อกกว้าง เป็นสัญญานบอกอีกครั้งว่าต้องนวดอกกว้าง ตลอดจนหน้าทอง ช่วงเอวสอบของเขาด้วย
“โห่...พี่แซมมี...จะมีตังจ่ายค่านวด เปล่านี่ ชั่วโมงหนึ่งหลายตังนะ”
“โห่...... ภูมิรู้ตัวไหมว่าเป็นคนโชคดีมากเลยนะ ที่ได้สัมผัสลูบคลำเนื้อตัวคนหล่อหล่ออย่างพี่”
“หุหุ แสดงว่ามีสาวๆหลายคนจองตัวอยากนวดพี่แหงๆ ... ธรรมดาเนาะ.. คนอย่างพี่แซมแบบว่าหล่อเลือกได้”
“แต่พี่เลือกภูมินะ” แซมพูดเป็นนัยๆแฝงไปด้วยความหมายหลายอย่าง แต่คนที่ฟังนี่สิ กลับไม่รับรู้อะไรเลย
มิ น่าละ ครูดวงใจหรือว่าแม่ของแซม.......ถึงได้กำชับนักหนา “ดูแลน้องดีดีนะ” ชายหนุ่มคิดไปถึงคำสั่งของแม่..ที่ผิดกันตรงที่น้องเองเป็นฝ่ายดูแลพี่อย่าง ดีต่างหาก
“อยาก ได้หุ่นแบบพี่แซมจังเลย” ผู้เป็นน้องชายกล่าวขณะที่นวดไปทั่วแผ่นอกกว้าง ครู่หนึ่งก็ซบหน้าของตัวเองลงไปที่หน้าท้องแข็งๆ เล่นเอาซะผู้เป็นพี่ชายสะท้านไปทั้งตัว ก่อนที่ร่างบางจะเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าที่หมอนวดจำเป็นต่อไป
“ภูมิชอบซบหน้าลงตรงหน้าท้องของแม่เป็นประจำ เวลาที่นวดอยู่ที่บ้าน” …..?
“หุ่นดีดีแบบนี่ ขอได้ไหมพี่ สักนิดหนึ่งก็ยังดี”
“ทำไมเหรอ” ชายหนุ่มถามขณะที่มองมือนุ่ม ที่กำลังบีบนวดที่บริเวณหน้าท้อง และเอวของตนเอง ซึ่งสร้างความรู้สึกพิเศษตามประสาชายหนุ่ม
“อยากได้หุ่นพี่เหรอ งันเอาไปเลย พี่ยกให้”
“เอา ได้ก็ดีสิ” ภูมิพูดพลางความรู้สึกน้อยใจชีวิตตัวเองที่เกิดมารูปกายไม่สมชายชาตรี แต่กลับเหมือนสตรีเพศแทนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ ณ ตอนนี้ก็ทำใจรับมันได้แล้ว
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้”
“พูดเป็นการ์ตูนไปได้พี่แซม”
“หุ่นของพี่ พี่ยกให้ภูมิ แต่หุ่นของภูมิพี่ขอนะ เรามาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน”
คำพูดที่กำกวนแฝงไปด้วยความหมายหลายอย่างของชายหนุ่มได้ผล เมื่ออีกฝ่ายมีสีหน้าวิตกกังวล
“มามะ...เรามาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันเถอะ” แซมพูดพร้อมกับจับมือที่กำลังนวดอยู่ ดึงให้เข้ามาที่ตน
“ภูมิไม่อยากได้แล้ว ...พี่แซมชอบแกล้งภูมิอยู่เรื่อยเลย”
“ก็เพราะว่าพี่ชอบไง พี่ถึงได้แกล้ง”
“อื้อ” ภูมิพูดในลำคอ เพิ่มแรงนวดสุดแรง บีบไปที่หน้าทองแข็งๆของชายหนุ่มอย่างแรง อย่างนี้เขาไม่เรียกว่านวดแล้วเขาเรียกว่าหยิก ต่างหาก
“โอ๊ย” แซมร้องออกมาด้วยความเจ็บ ตาจ่องมองยังอีกฝ่ายกำลังหัวเราะชอบใจ
“แกล้งพี่ใช่ไหม”
“อ้าว ทีพี่ยังแกล้งภูมิได้ ภูมิขอคืนบ้างไม่ได้หรือครับ หุหุ” ภูมิหัวเราะชอบใจ
หน้าท้องของแซมตอนนี้มีรอยเขียวช้ำเล็กน้อย แซมคิดที่จะเอาคืนเจ้าน้องชายแสนซื่อสุดแสบคนนี้ซักหน่อย
“ภูมิพี่นวดให้ไหม”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ภูมิไม่เมื่อย”
ภูมิ พูดเสร็จก็ลุกพรวดขึ้นวิ่งหนีทันที รู้ทันว่าแซมต้องแกล้งคืนแหงๆ ทำให้แซมได้แต่นั่งเซ็ง สุดท้ายก็ได้แต่นอนมองดูเจ้าน้องชายน่ารัก รดน้ำต้นไม้ พร้อมๆกับเล่นน้ำไปด้วยอย่างเพลิดเพลินตา


รักมากมายนายภูมิ
ตอนที่ 2 : พี่ปีสองรักน้องปีหนึง
“ภูมิ...ไปดูพี่เล่นบาสไหม”
“ที่ไหนเหรอพี่”
“ก็ที่สนามกีฬากลาง นะ ไปด้วยกันนะ”
“ได้ๆ แต่ภูมิไม่มีชุดกีฬาอะ”
“ไม่เห็นเป็นไร ไปชุดนี่ก็ได้ป่ะ”
แซมพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องของเขา ครูหนึ่งก็ออกมาพร้อมกับเสื้อแจ๊คเก็ต ตัวโตที่สวมเมื่อวาน ยื่นให้กับภูมิ
“ใส่ซะ เดี่ยวจะดำ แล้วก็นี่ด้วยแว่นตาดำ”
“ทำไมต้องใส่แว่นตาด้วยละพี่แซม”
“ภูมิไม่รู้ตัวเหรอ ภูมิเหมือนผู้หญิงมากขนาดไหน พี่อยากขับรถซ้อนสาวสวย อวดชาวบ้านเขาซักหน่อย”
“ฮ่าๆๆๆ เล่นงี้เลยเหรอพี่”
“อื้ม”
“ภูมิควรจะดีใจหรือเสียใจกันแน่ละเนี้ยะ”
“เหอะน่า”
************************************************************************
“แซมได้สาวที่ไหนมาว่ะ น่ารักว่ะ”
แซมไม่ตอบ แต่กลับยิ้มให้กับสมาชิกเพื่อนพี่น้องชาวบาสเก็ตบอล เท่านั้นพร้อมกับมองไปยังใครคนหนึ่ง
ตัว ขาวๆ ใส่แวนตาดำ ทรงผมบ๊อบสั้น สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำ นั่งอ่านหนังสืออยู่บนสแตนเชียร์ นานนานทีก็พักหน้าหนังสือไว้มองคนเล่นบาส อย่างคล่องแคล่ว
ฟ้าเริ่มมืด ทั้งสองก็ไปกินข้าวเย็นที่ตลาดกัน
“ภูมิขับดีกว่า เดี่ยวเหม็นเหงื่อพี่”
“ภูมิกำลังจะบอกพี่พอดี ว่าภูมิขอขับเอง” ภูมิพูดพร้อมกับขับรถมุ่งหน้าไปตลาดโต้รุ่ง
“ร้ายนักนะเรา”
“ร้ายแรงสูงเลยละพี่แซม พี่ยังไม่รู้เหรอ”
“เออ...ตั้งใจขับไป..อย่าโม้”
บรรยากาศ ตลาดโต้รุ้ง ที่เป็นธรรมชาติ ต้นไม่เขียวขจี น้อยใหญ่ยังมีอยู่ให้พบเห็น ผู้คนที่เดินผ่านไปมา ต่างมองมาที่คู่หนุ่มสาวคู่นี่ ที่เหมาะสมกันยังกะกิ่งทองใบหยก พูดคุยกันอย่างสนิทสนม
“พี่แซม ไม่ต้องพูดใกล้ๆหูภูมิก็ได้ มันจั๊กกะจี่” ภูมิบอกขณะที่กินข้าวอิ่มท้องเรียบร้อย
“จักกะจี่ หรือ เสียวกันแน่” แซมพูดไปมองไป ทำตายั่วยวน
“คือ ภูมิเหม็นปากพี่อะ” ภูมิสวนกลับทันที เล่นเอาอีกฝ่ายอึ้งพูดไม่ออก เมื่อโดนประโยคนี่
หลัง จากที่จัดการกับอาหารเย็นเรียบร้อย ทั้งสองก็ขับรถกลับบ้าน และตกดึก ก็นอนด้วยกันหน้าทีวีจอแบนขนาดใหญ่ ที่เดิม และเช่นเคย ทันทีที่หัวถึงหมอน ก็หลับทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มนอนกระสับกระส่าย เขาอยากจะกอดคนที่นอนข้างๆเป็นที่สุด แต่กลัวว่าไก่จะตื่น วิ่งหนีกลับบ้านไปซะก่อน ที่ทำได้ก็แค่เพียงนอนมองเท่านั้น แซมรู้ดีว่าภูมิชอบนอนกอดหมอนข้าง
จึงนำหมอนข้าง ขว้างไปที่อื่นแล้วขยับตัวเข้าใกล้ เอาตัวเองเป็นหมอนข้างแทน จนเช้า


รักมากมายนายภูมิ
ตอนที่ 3 : ระยะทางพิสูจน์รัก เวลาพิสูจน์ใจ ใครรักใคร

เช้านี้เป็นเช้าที่สองพี่น้องตื่นสายมากที่สุด หลังจากที่เมื่อคืนไปเช่าหนังผีมาดูซะจนตีสี่กว่าๆ
แซม ลืมตาขึ้นมามองคนที่นอนข้างๆ ซึ่งเช้านี่ภูมิไม่ได้นอนกอดแซมเหมือนทุกที แต่เปลี่ยนจากมือเป็นขาแทน ขาขาวขาวเรียวสวยพาดทับตัวแซมไว้ ชายหนุ่มไม่กล้าแม้แต่กระดิกเนื้อกระดิกตัว กลัวว่าภูมิจะตื่นนั้นเอง จึงนอนเล่นต่อไปแต่ดูเหมือนยิ่งนอนนานขึ้น อารมณ์อย่างหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นกับชายหนุ่มขึ้นมาอย่างมากมาย
แซม จับขาของน้องชายออกจากตัว แล้วลุกขึ้นออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ และอีกเหตุผลหนึ่งเพื่อลบล้างอารมณ์รักให้ซาไป ครู่หนึ่งชายหนุ่มก็ไปอาบน้ำชำระร่างกาย ออกจากห้องน้ำก็ไม่พบเจ้าน้องชายอีก ชุดเครื่องนอนถูกพับเก็บไว้เรียบร้อย
แซมเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องของตนเรียบร้อยก็ออกมานั่งดูทีวี
“พี่แซม”
“ว่าไง” แซมขานรับเสียงเรียกที่ดังมาจากในห้องน้ำ
“พี่ช่วยหยิบผ้าขนหนูให้ภูมิหน่อยสิ”
“ลืม ละสิ” แซมพูดพร้อมกับเดินก้าวเข้าไปในห้องส่วนตัวของภูมิ หยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ สายตามองไปเห็นเป้ใบหนึ่ง ที่ถูกแพ๊กไว้เป็นอย่างดี ต่อมสงสัยทำงานขึ้นมาทันที
“อะ ภูมิ เปิดประตูสิ”
ภูมิเปิดประตูแง้มๆ มาเล็กน้อย โผล่ออกมาแค่เพียงหัว ส่วนลำตัวแอบหลบไว้หลังประตู
“อายไร.... ผู้ชายด้วยกัน” แซมพูดพร้อมกับแกล้งดันประตูห้องน้ำ เล่นเอาอีกฝ่ายร้องจ๊าก
แซมหัวเราะชอบใจ เขายื่นผ้าขนหนูให้แล้วกลับมานั่งดูทีวีคืน ครูหนึ่งภูมิก็ออกมา ผ้าขนหนูผืนใหญ่มาก สามารถคลุมได้ทั้งตัววิ่งเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
“พี่แซม ... พี่ไปส่งภูมิที่ท่ารถได้ไหม”
“จะหนีพี่ไปไหน”
“ก็ภูมิเบื่อหน้าพี่นี่หนา .... พี่เองก็คงจะเบื่อภูมิเหมือนกันละมั่ง”
“ใครว่าละ ภูมิคือความสุขของพี่W
“โอ้โห... พูดยังกะพระเอกละครทีวีแนะ อยากรู้จังเลยว่านางเอกคือใครกันหนอ”
“ภูมิไง”
“ฮ่าๆๆๆๆ พี่แซมนี่ชอบพูดเล่นตลกอยู่เรื่อยเลย ...ไปเถอะภูมิพร้อมแล้ว” ภูมิยืนสะพายกระเป๋าเตรียมพร้อมที่จะเดินทาง
เสื้อยืดสีดำ กับยีนขาเดบ สวมหมวกแก๊ป มองดูแล้วดูน่ารักไปอีกแบบ เหมือนผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชายยังไงยังงั้น
ชายหนุ่มมองไปที่ร่างบางที่ยืนรอ ใจหายไปเลยทีเดียวอยู่ๆ ก็จะไปไหนก็ไม่รู้ไม่บอกกล่าว ล่วงหน้า
“สวมเสื้อตัวนี่ซะ อากาศเย็นเดียวจะไม่สบายเอา”
แซมยื่นเสื้อแจ๊คเก็ต ตัวเดิมให้กับภูมิ
“เกรงใจจังเลยอะพี่แซม เสื้อตัวนี่ภูมิยึดเลยละกาน”
“ได้เลย แต่ภูมิต้องเอาตัวภูมิมาแลกนะ” ชายหนุ่มพูดจากำกวมอีกแล้วเล่นเอาแซม งงกับคำพูดของพี่ชาย
“พี่หมายถึง อย่าหนีพี่ไปไหนก็พอ”
“อ๋อ ... นึกว่าอะไร พี่นิ..ชอบพูดอะไรงง งง อยู่เรื่อยเลย”
แซมยิ้มให้กับภูมิ พร้อมกับขับรถไปยังท่ารถ เช่นเคยภูมิเป็นคนขับ
“จะไปไหนเหรอ” ชายหนุ่มเอ๋ยถามแนบชิดกับใบหู จนภูมิต้องยกไหล่ขึ้นมาด้วยความจั๊กกะจี่
“ภูมิจะไปบ้านไปหาแม่ซะหน่อย”
“ไปกี่วัน”
“พี่แซมอะ............... ภูมิหูหนวกพี่รับผิดชอบนะ............. เดี่ยวเหอะ........ไปประมาณสองสามวัน”
แซมมีสีหน้าเศร้าลงไปในทันที ชายหนุ่มนั่งนิ่งเงียบจนถึงท่ารถ เหมือนโดนแกล้งยังไงไม่รู้ รถบัสมาพอดิบพอดี
“พี่ แซมภูมิไปก่อนนะ เดี่ยวเอาของมาฝาก” ภูมิยิ้มให้ โบกมือ ก่อนที่จะวิ่งขึ้นไปบนรถ หาที่นั่งได้ก็มองมาผ่านกระจก โบกมือให้กับชายหนุ่มอีกครั้ง แซมมองไปที่รถบัสที่เคลื่อนตัวออกไป เรื่อยๆจนลับตา
ตลอด ระยะเวลาที่ต้องอยู่โดยไม่มีภูมิ มันเป็นอะไรที่ช่างยาวนานเหลือเกิน ชายหนุ่มอยากให้เวลาผ่านไปให้เร็วที่สุด ภาพเด็กผู้ชายหน้าหวานๆ สวยใสยิ่งกว่าสตรีเพศนางใด ทำให้หัวใจของชายหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ
ชาย หนุ่มไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเอาซะเลย ว่าทำไมต้องคิดถึง ห่วงหาเขาได้มากมายขนาดนี่ บางครั้งถึงกับไม่มีสมาธิในการทำงานเลย แซมกลัวเหลือเกิน กลัวความรู้สึกตัวเองกับเจ้าน้องชายคนนี่

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ตอนสามทุ่มกว่าๆ
“พี่แซมครับ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงที่คุ้นหูคุ้นใจ แซมก็ใจชื้นขึ้นมาทันที
“พี่แซมครับ พี่แซมสะดวกมารับภูมิรึเปล่าครับ ไม่รู้ว่าพี่จะว่างหรือเปล่า”
“แล้วภูมิอยากให้พี่ไปรับรึเปล่าละ”
“เอางี้ดีกว่าเดี่ยวภูมินั่งรถมอไซต์รับจ้างไปดีกว่า”
สัญญาณ โทรศัพท์ขาดหายไปทันที ทำให้แซมหงุดหงิด ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะไปรับน้องชายสุดรัก พูดกันยังไม่รู้เรื่องก็นังวินมอไซต์มาเฉยๆ แซมบ่นไป พร้อมกับเป็นห่วงภูมิ ห่วงมาก จนนั่งไม่ติดกับที่

************
เสียงรถจักรยานยนต์จอดที่หน้าบ้าน ภูมิเปิดประตูบ้านเดินเข้ามา เห็นชายหนุ่มนั่งทำงานอยู่ ข้างๆตัวมีเบียร์กระป๋องวางอยู่
“พี่ แซมสวัสดีครับ” ภูมิยกมือไหว้แซม พร้อมกับยิ้มที่สดใส หากแต่อีกฝ่ายหันหน้ามาพยักหน้ารับไหว้เท่านั้น แล้วก็ก่มหน้าก่มตาทำงานของตัวเองต่อไปโดยไม่สนใจคนที่พึ่งกลับมาจากบ้านเลย
ภูมิหยิบของฝากที่นำมาจากบ้าน แช่ในตู้เย็น แล้วก็จัดการทำความสะอาดครัวเล็กๆ กับกองจานที่ล้นกาละมัง เรียบร้อย
ปกติ แซมจะเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างมีระเบียบวินัยในตัวเอง แต่ทำไมกลับมาคราวนี่ ถึงทำตัวแปลกๆ ภูมิคิดในใจ พลางก้าวเดินไปยังห้องของตน หยิบผ้าขนหนู อาบน้ำชะระร่างกายเป็นที่เรียบร้อย ออกมาก็พบกับภาพของชายหนุ่มในท่าเดิม จำนวนกระป๋องเบียร์มีจำนวนมากขึ้น นี่พี่แซมไม่คิดจะมอง หรือพูดอะไรสักคำเลยหรือไงนะ บางทีพี่แซมอาจมีปัญหาในใจก็ได้ ภูมิพยายามคิดบวกเพื่อที่ตัวเองจะได้สบายใจ
ชุด เครื่องนอนของคนทั้งสอง ถูกปูไว้เป็นที่เรียบร้อยด้วยฝีมือภูมิ ร่างบางนอนคว่ำ เอามือทั้งสองเท้าคาง นั่งมองผู้เป็นพี่ชายที่วุ่นอยู่ เขายังคงก้มหน้าก้มตาทำงานของเขาไปโดยไม่เหลียวมอง ใครสักคนที่กำลังนอนจ่องอยู่เลย
“พี่แซมโกรธภูมิหรือเปล่า”
ภูมิพูดเป็นประโยคที่สอง หลังจากที่ไม่ได้พูดกับแซมมาสามวัน เพราะกลับบ้านเกิด
“เปล่านิ” ชายหนุ่มตอบสั้นๆ
“พี่แซมรู้ไหม ภูมิคิดถึงพี่แซมแทบแย่”
ชาย หนุ่มวางอุปกรณ์การทำงานในมือลงทันที ที่ได้ยินคำพูดคำนี่ของภูมิ แซมมองไปยังร่างบางที่กำลังนอนคว่ำ เอามือเท้าคาง ขายกขึ้นโยกไปมา เสื้อกล้ามสีขาวตัวหลวมๆ อวดผิวขาวเนียนไร้กล้ามเนื้อที่แสดงถึงความเป็นชาย กับกางเกงกีฬาขาสั้น
ดู แล้วช่างสวยน่ารัก เย้ายวนใจยิ่งนัก ยิ่งพอได้ยินคำพูดคำนี่ ทำให้ชายหนุ่มใจเต้นพล่านไม่เป็นจังหวะ รู้สึกสุขใจหลังจากที่รอคอยมานานแสนนาน
แซมเก็บอุปกรณ์ทำงานของเขาอย่างรีบๆ
“ทำไมไม่ให้พี่ไปรับ”
“ก็ภูมิคิดว่า........... ถ้าพี่แซมขับรถไปรับภูมิ....... ภูมิกลัวว่าจะเกิดอันตราย..... ภูมิเลยนั่งวินมอไซต์มาดีกว่า”
เหตุผลที่ส่งมาจากใจสู่ปากของภูมิ ทำให้แซมเข้าใจทุกอย่างดีขึ้น ชายหนุ่มตั้งใจไว้ว่าจะไปรับ เตรียมตัวอย่างดี
แต่พอได้ฟังเหตุผลก็ใจชื่นขึ้นมา
“ภูมิเป็นห่วงพี่แซมนะ”
“พี่ก็เป็นห่วงเราเหมือนกัน” ยิ้มแรกหลังจากที่ไม่ได้เห็นมาเป็นเวลาสามวัน ของชายหนุ่ม ทำให้ภูมิยิ้มตอบรับ โยกขาไปมา
“พี่ขอนอนด้วยได้ไหม”
“อ้าว.... ทำไมจะไม่ได้ละ พี่แซมพูดแปลกๆ เมาแน่เลย”
“ตัวพี่มีกลิ่นเหล้าไหม”
ภูมิทำจมูกพยายามสูดหากลิ่นเบียร์ที่แซมกินไปหลายกระป๋อง
“ไม่เห็นเป็นไรเลยพี่”
“อื้ม...พี่ไปอาบน้ำดีกว่า เดี่ยวคู่นอนจะว่าเอา” แซมพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ
แซมมักจะไม่ใส่เสื้อนอน จะใส่เฉพาะกางเกงขาสั้นเท่านั้น เพียงครู่เดียวชายหนุ่มก็จัดการกับตัวเองเรียบร้อย
เอนตัวลงนอนข้างๆกับภูมิ ซึ่งตอนนี่กำลังดูทีวีอยู่
โทรทัศน์ จอแบนขนาดใหญ่ ปิดลงด้วยรีโมทคอนโทรลในมือของภูมิ แสงสว่างในบ้านไม่ถึงกับมืดสนิท เพราะมีแสงไฟจากโคมไฟหน้าบ้านส่องแสงเข้ามาไรไร ภูมิมองไปยังแซมที่ตอนนี่นอนตะแคง หันหน้าหนีไปทางอื่น นอนนิ่ง เงียบ
ผิดจากปกติที่ต้องแกล้งตัวเองอยู่เสมอ เขาเป็นอะไรของเขานะ ภูมิรู้สึกไม่ดีเลยที่พี่ชายตนเองนอนเงียบขนาดนี่
มือน้อยๆ แตะไปที่ต้นแขนแล้วเขย่าเบาๆ
“พี่แซมเป็นอะไรอ่ะ”
ภูมิ ลุกขึ้น พร้อมๆกับเขย่าต้นแขนอีกครั้งไปมาหลายสิบรอบ จนชายหนุ่มต้องหันตัวกลับมานอนหงาย อวดกล้ามเนื้อแน่นเครียดตึงของกล้ามเนื้ออก และหน้าท้องแข็ง มือของเขาจับมือทั้งสองของภูมิไว้ แล้วจ่องมองไปยังร่างบาง ที่มองเห็นเลือนๆ ถึงไม่ชัดนัก แต่ก็รับรู้ว่า ร่างบางนั้นสวยหวานน่ารักจับใจ
“พี่แซมมีปัญหาอะไร บอกน้องชายคนนี่ได้เลย จะยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้พี่กลับมาเหมือนเดิม”
แต่ชายหนุ่มกลับนอนเงียบ มือคว้ากุมแขนนุ่มๆของภูมิเอาไว้ พร้อมกับจ่องมองนิ่งไปอย่างมีความหมาย
“ภูมินวดให้เอาไหม หรือพี่แซมจะให้ภูมิทำอะไรก็บอกมาสิ อย่าเอาแต่เงียบแบบนี้สิ”
น้ำเสียงที่เป็นทุกข์ใจของภูมิ ทำให้ชายหนุ่มทรงตัวลุกขึ้นมานั่งชิดใกล้
“พี่ไม่ได้เป็นอะไร พี่ยังเป็นพี่ชายของภูมิเหมือนเดิม”
เขาพูดขณะที่ขยับตัวเข้าชิดใกล้มากยิ่งขึ้น
“พี่ขอให้ภูมินอนเคียงคู่กับพี่อย่างนี่ตลอดไปได้ไหม”
“พี่ขออะไรแปลกๆ ภูมิก็นอนข้างๆพี่อยู่แล้วไง สงสัยเมาแหงๆ”
“เมารัก”
“ไปกันใหญ่แล้ว พี่แซม นอนกันเถอะ ดึกแล้ว”
ภูมิแกะมือที่จับมือของตัวเองออก ด้วยความรู้สึกที่หวั่นๆ ภูมิเอนตัวลงนอนโดยหันหน้าไปหาผู้เป็นพี่ชาย
พักหนึ่งชายหนุ่มก็นอนลงมาตาม พร้อมๆกับตะแคงตัวไปทางผู้เป็นน้องชาย
“ภูมิ”
“หือ...” ภูมิทำตาโต มองหน้าคนที่เรียกชื่อตัวเอง ที่ตอนนี่หายใจออกมามีกลิ่นแอลกอฮอลล์ ออกมาเล็กน้อย กลิ่นของมันไม่เหม็นแต่กลับหอมแบบแปลกๆ
“ว่าไงพี่”
“พี่คิดถึงภูมิจัง”
“ภูมิก็คิดถึงพี่เหมือนกัน”
“จริงเหรอ”
“ไม่จริงมั่ง” ภูมิตอบกวนกวน ยิ้มยิ้ม
“คืนนี้ขออะไรสักอย่างได้ไหม”
คำ ขอแบบตรงๆ ที่พูดออกมาจากดวงตาที่เป็นประกายแวววาว ทำให้ภูมิหัวใจเต้นถี่ ภูมิไม่ตอบเพราะกลัวว่าการขอของเขาภูมิอาจจะไม่สามารถให้ได้ และไม่มีคำพูดใดใดออกจากปากเขาอีก มือใหญ่เอื้อมคว้าร่างบางเข้ามากอดรัดแน่นอย่างชิดใกล้
ยิ่งได้สัมผัสผิวกายของภูมิ ชายหนุ่มก็กอดรัดแน่นมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากจูบหนักๆลงไปที่หน้าผากมนต์
เล่น เอาคนที่โดนกอด ตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับเนื้อขยับตัว ตกใจในการกระทำของเขา ลึกๆกลับมีความสุขจากการกอดอุ่นๆของเขา จนกระทั้งหลับลงไปในอ้อมกอด
แซมอยากจะทำอะไรต่อมีอะไรมากมายตามอารมณ์หนุ่ม แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้ กลัวว่าไก่จะตื่น วิ่งหนีเขาไป
เขาคงเสียใจแย่เลย แค่นี่เขาก็สุขใจเป็นที่สุด ชายหนุ่มบอกกับตัวเอง

เสียงรถยนต์คันโก้ บีบแตรดังลั่นหน้าประตูบ้าน ทำให้ภูมิซึ่งกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ ต้องเดินไปดู
ปอนด์ มองไปยังหญิงสาวในทรงผมบ๊อบสั้น ผิวขาวๆ ร่างระหง กับรูปหน้าที่สวยหวาน ทำให้ตกตะลึกเล็กน้อย
“แซมอยู่ไหมครับ”
“พี่แซมไม่อยู่ ออกไปข้างนอก”
“ผม ชื่อ ปอนด์นะครับ เป็นเพื่อนของแซม ผมเข้าไปข้างในได้ไหม”
เขาแนะนำตัว พร้อมกับชะโงกหน้าที่สวมแว่นตาดำ พยายามเก๊กหล่อสุดฤทธิ์ แต่ยังไงซะพี่แซมก็ชนะขาด
“ขอโทษทีนะครับ รออยู่ข้างนอกก่อนได้ไหม เดี่ยวพี่แซมคงมา”

ปอนด์ ฟังคำพูดของหญิงสาว ที่ขานรับนามตัวเองว่าครับ สร้างความแปลกใจให้กับเขายิ่งนัก แต่ที่ต้องชมคือ การรู้จักป้องกันตัวเองจากคนแปลกหน้า ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เพราะมนุษย์ในยุคนี่ยากแท้หยั่งลึก ยิ่งกว่างมเข็มในแม่น้ำโขง
ยัง ไม่ทันที่ภูมิจะเดินไปรดน้ำต้นไม้ต่อ แซมก็มาถึงพอดี ชายหนุ่มสองคนพูดทักทายกันเป็นอย่างดี แสดงให้เห็นชัดว่า เขาสองคนเป็นเพื่อนกันจริงๆ ว่าแล้วภูมิก็ก้าวเดินไปรดน้ำต้นไม้ต่อ
“โห...ไปหามาจากไหนว่ะ สวยบาทใจชะมัดเลย” ปอนด์ถามเมื่อนั่งเล่นตรงศาลาทรงเกวียนกับแซม มองร่างระหงที่กำลังยืนรถน้ำต้นไม้อยู่
“น้องกูเอง” แซมตอบ
“เฮ้ย มึงไปมีน้องสาวสวยๆแบบนี้ ตอนไหนว่ะ”
“ก็เป็นน้องชายห่างๆ อะ”
ปอนด์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนที่จะเริ่มเอะใจ คิดอะไรออกมาได้
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่เป็นผู้ชาย”
“ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ นี่แหละลูกผู้ชายตัวจริง” แซมพูดขำขำไป
ขณะที่เพื่อนชาย ขมวดคิ้วคิดอะไรสักอย่าง ครู่หนึ่งก็ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ขอได้ไหมวะ”
“ขออะไร”
“สวยสวย น่ารักน่ารักแบบนี่ ผู้ชายก็ผู้ชายเถอะ ลองสักตั้งจะเป็นไรไป”
“มึงนิ กามจัดเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลย” แซมชมเพื่อน เชิงต่อว่าไปพร้อมๆกัน
“มึงเองก็ใช่ย่อยที่ไหน เหน็บในสาวไหนๆก็ติดใจกันทั่วหน้า”
“ถึงกูเหน็บใน กูก็ไม่มั่วโว้ย.. กูรักเดียวใจเดียว”
“เออ.. ซะงั้นเชียว ไอ้แซม ว่าแต่ว่า ที่กูขอ มึงจะว่าอย่างไร”
แซมนิ่งเงียบไป ไม่ยอมตอบคำถามสักที จนปอนด์ไม่รอช้าเดินเข้าไปหาร่างบางที่กำลังรดน้ำต้นไม้เพลินๆอยู่
แซมรู้ฤทธิ์เดชของเพื่อนคนนี่ดี น้อยนักที่จะพลาดหากได้หมายตาใครไว้ ชายหนุ่มรู้สึกหวงห่วง คนของตัวเองอยู่เงียบๆ
สายตามองทั้งคู่ ที่กำลังคุยกันอย่างถูกคอ หัวเราะสนุกสนาน จนทำให้แซมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา แต่ก็ต้องนิ่งเก็บไว้
นาน แสนนานทีเดียว ภูมิขอตัวไปอาบน้ำ ปอนด์เลยเดินมายังเพื่อนชาย เขามองตาเพื่อนก็รู้ตามสัญชาติญาณของความเป็นเพื่อนชาย และที่สำคัญเป็นเพื่อนสนิทกันมากซะด้วย
“ภูมิ นี่เป็นคนน่ารัก จริงใจดีว่ะมึงอย่าปล่อยให้หลุดมือนะโว๊ย ไอ้แซม”
แซมหันหน้ามามองหน้าปอนด์เพื่อนชาย ที่อ่านใจเพื่อนได้แตกละเอียด
“แล้วครูดวงใจรู้เรื่องนี้ยัง” ปอนด์ถามขณะที่แซมส่ายหน้า
“เวรกรรมแท้ๆ วะไอ้แซมเอ้ย แล้วนี่มึงจะทำยังไงต่อไป”
“กูจะทำอะไรได้ว่ะ เขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวเหมือนกูนี่หนา”
“อ้าว ... มึงหล่อขนาดนี่ มีด้วยเหรอวะ โดนปฏิเสธ”
แซมไม่ตอบ แต่กลับมองไปภายในตัวบ้านที่เห็น ภูมิกำลังปัดฝุ่นเช็ดโต๊ะอยู่
“มึง...เออ...กูหมายถึง....เรียบร้อยยังว่ะ”
“ไอ้กาม กูไม่ยุ่งกับคนที่ไม่ยินยอมหรอก”
“โห่...... มึงก็ทำให้ยอมสิวะ”
คำแนะนำของปอนด์ ทำให้ชายหนุ่มคิดหนัก เงียบกริบไปพักหนึ่ง
“มึงรักเขาใช่ไหม”
“ไม่รู้ว่ะ”
“ชัวร์ ชัวร์ มึงรักน้องภูมิเข้าแล้วแน่นอน”
แซมนั่งเงียบอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งสองจะพูดคุยกัน เป็นนานแสนนานทีเดียว ปอนด์จึงกลับบ้านเขาไป

รักมากมายนายภูมิ
ตอนที่ 6 : ภูมิ.. ไปเที่ยวกันไหม

“ภูมิ.. ไปเที่ยวกันไหม”
แซมเอ๋ยชวนร่างบางที่กำลังนอนอ่านหนังสือ อยู่
“ไป..ไป..ว่าแต่พี่แซมจะพาไปเที่ยวที่ไหน”
“เดี่ยวก็รู้”
สอง พี่น้องเที่ยวชมสถานที่สวยงามทางธรรมชาติมากมาย พร้อมกับถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก แซมพาภูมิไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมายครบทุกรูปแบบ สถานที่สุดท้ายคือ น้ำตก
“พี่แซมลงมาเล่นน้ำด้วยกันสิ”
“ไม่อะ ภูมิเล่นไปเถอะ”
ภูมิเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน เพลิดเพลินจนตกเย็น แซมต้องเรียกขึ้นมาว่าเลิกเล่นได้แล้ว เดี่ยวจะไม่สบายเอา
และไม่ผิดอย่างที่เขาพูดไว้
หน้า ของเจ้าน้องชายซีด ตัวร้อนเป็นไข้ แต่เพราะว่ามีพี่ชายที่แสนดี ที่รักน้องชายสุดรัก ดูแลอย่างดี ทำให้ไข้หายฟื้นตัวสดใสเหมือนเดิมภายในไม่กี่วัน
******************************************************
เทศกาล สงกรานต์ ของขนบธรรมเนียมประเพณีไทย ที่ปัจจุบันคนไทยยังรักษาประเพณีนี่ไว้อยู่ แต่รูปแบบการเล่นสงกรานต์ที่ผิดเพี้ยนไป บางคนถือโอกาสนี่ลวนลวมผู้หญิงมากมาย
แซมเอาถังน้ำไปวางไว้หน้าบ้าน สายยางที่ลากมาเติมน้ำจนเต็มถัง มีกลุ่มวัยรุ่นบ้านใกล้เรือนเคียงมารวมกลุ่มด้วยอย่างสนุกสนาน
“พี่แซม ทำไมไม่ช่วยแฟนพี่มาเล่นสงกรานต์ด้วยกันละ”
“อย่าเลยดีกว่า”
“อันแน่ กลัวหนุ่มๆมาปะแป้งอะดิ”
แซมเจอแซวเข้าก็เลยต้องยิ้มออกมาอย่างอายๆ รถกระบะที่ใช้เป็นยานพาหนะในการเล่นสงกรานต์มีมากมายต่อเนื่อง
สาวๆ เมื่อมองเห็นบุรุษรูปกายงาม ก็กระโจนลงจากรถ รุมปะแป้งชายหนุ่มกันใหญ่ บางคนถึงกับหอมแก้มชายหนุ่มอย่างถือว่าเป็นเรื่องปกติ ภูมิมองไปยังชายหนุ่มที่มีสีหน้าสดใสร่าเริง สนุกสนานกับการเล่นสงกรานต์ซะเหลือเกิน โดยเฉพาะกับสาวๆ ยิ่งมองไปเห็นภาพบาทใจนั้นเข้า ก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งใจ
“น้องๆ พี่ขอเล่นด้วยคน” ภูมิเอ๋ยขอกลุ่มน้องๆ ที่กำลังเล่นสงกรานต์อยู่
“มาเลยค่ะพี่ งั้นหนูขอปะแป้งพี่หน่อยนะค่ะ” เด็กวัยรุ่นหญิงคนหนึ่งปะแป้งลงบนแก้มเนียน ซะจนน่ารักไปอีกแบบ
ภูมิ เดินประแป้งเด็กหนุ่มวัยรุ่นในกลุ่มนั้นแทบทุกคน ยกเว้นเขา ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรภูมิเล่นสงกรานต์อย่างเต็มที่ เหมือนกับประชดใครสักคนหนึ่ง หนุ่มๆที่ขับรถผ่านไปผ่านมา ขอปะแป้ง ภูมิก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่กลับยื่นแก้มนวลให้ปะแป้งอย่างง่ายดาย ด้วยความสวยสะดุดตา เรตติ้งของภูมิจึงเยอะเป็นกรณีพิเศษ เฉกเช่นเดียวกับทางด้านตัวเขาเอง สาวๆก็รุมประแป้งเหมือนเคย
ตกบ่าย เล่นไปได้ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าเหนื่อย จึงขอตัวกลับเข้าไปในบ้าน โดยที่ปราศจากแซม
เขายังคงเล่นสงกรานต์ต่ออย่างสนุกสนาน
ภูมิ ชำระร่างกายเรียบร้อย รู้สึกเพลีย จึงนำเสื่อกกผืนใหญ่ ปูนอนที่ชานบ้านด้านหลังบ้าน สถานที่ที่เย็นสบายที่ภูมิชอบมานั่ง นอน อ่านหนังสือเป็นประจำ
ครึ่ง ชั่วโมงต่อมา แซมก็เข้ามาในบ้าน เห็นร่างบางนอนหลับสนิทอยู่ หลังจากชำระร่างกายเรียบร้อย ชายหนุ่มก็เอนตัวนอนลงข้างๆ กับภูมิ ทั้งคู่หลับไปนาน รู้สึกตัวอีกทีก็ 5 โมงเย็นเข้าแล้ว
ภูมิแกะมือที่กอดตนเองออก พร้อมกับพยุงตัวลุกขึ้นยืน
“อย่ามาทำแบบนี้อีก” ใบหน้าแดงซ่านด้วยความโกรธ งอน เคืองไม่พอใจที่วันนี่แซมให้สาวสาว............
ภูมิ มีความรู้สึกที่ไม่พอใจที่ชายหนุ่มมานอนกอดตนเอง คนอย่างเขาคงเห็นว่าตัวเองเกิดมาหล่อ เกิดมาครบถ้วนทุกประการ สาวสาวต่างทอดกายถวายตัวให้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับภูมิ มันไม่ใช่แบบนั้น มันไม่ง่ายขนาดนั้น ภูมิพูดพลางเดินไป หยิบกระเป๋าสตางค์เดินออกไปนอกบ้าน น้ำใสใสไหลลงอาบแก้มนวล อย่างไม่รู้ตัว
ทำไม เธอถึงเสียใจได้มากมายขนาดนี่ ภาพที่เห็นสาวๆ รุมกอดจูบแซม ช่างเป็นอะไรที่บาทตาบาทใจซะจนต้องออกมาเล่นสงกรานต์บ้างอวดทรวดทรวงยาม เปียกปอนให้ชายอื่นได้ชื่นชม เพื่อต้องการประชดเขา
ประชด ทำไมหรือภูมิ อย่าลืมสิว่าเขาเป็นพี่ชายเรานะ และที่สำคัญ เราไม่มีสิทธิ์ไปหึงหวงเขา ในเมื่อตนเองก็เป็นเพศเดียวกันเฉกเช่นเขา ภูมิพึ่งรู้ใจตัวเองก็ตอนนี้นี่เอง ว่าตนได้หลงรักผู้เป็นพี่ชาย เพศชายเดียวกัน ทั้งๆที่เมื่อก่อนปฏิเสธแทบเป็นแทบตาย สุดท้ายก็หนีไม่พ้นกลับเป็นไปตามที่คนอื่นเขาคาดคะเนจริงๆ
ร่างบางวิ่งไป น้ำตาไหลอาบแก้มนวล หลั่งไหลเหมือนสายน้ำ ไม่คิดจะโทษใครนอกซะจากตัวเอง
ไม่รู้ว่ารักแรกนี่จะเป็นอย่างไร แต่ภูมิก็ต้องเตือนใจตัวเองซะแล้ว ว่าต้องทำใจ และต้องทำให้ได้
****************************************************************************
ชาย หนุ่มมองไปที่ประตูบ้านในเวลาเกือบหนึ่งทุ่มกว่า หลังจากที่นั่งรอมานานแสนนาน ชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถมาส่ง และก่อนที่จะกลับก็พูดจาอำลาร่ำไร ซะนาน สร้างความรู้สึกอึดอัดใจ ขัดหูขัดตา ขัดใจเป็นที่สุด
“ไปไหนมา” แซมถามเสียงห้วน
“ไปข้างนอก”
“ไปข้างนอก นะ ไปทำอะไร กับใครที่ไหนมา” แซมถามเสียงห้วน และจริงจัง
“ไปกินข้าวมาแค่นั้นเอง มีไรจะพูดอีกไหม”ร่างบางพูดพร้อมกับเดินหนี ร่างสูงที่ยืนประจันหน้า แต่ก็ต้องหยุดชะงัก
“ยัง” มือใหญ่แข็งแรงของชายหนุ่ม จับกุมที่ต้นแขนของน้องชายไว้ สายตาที่จ่องมองมาช่างดุร้าย
“แล้วใครมาส่ง”
“ไม่รู้”
“ไม่รู้แล้วให้เขามาส่งได้ยังไง อ้อ....ไม่ รู้จักเขาหรือว่าไปทำอะไรกันมาเรียบร้อย จึงกลับมาส่งถึงบ้านกันแน่” ผู้เป็นพี่ชายพูดพร้อมกับออกแรงบีบที่ต้นแขนของน้องชาย จนอีกฝ่ายมีสีหน้าเหยเก ด้วยความเจ็บปวด
“ใช่....พอใจหรือยัง” ร่างบางเถียงกลับทันที ทั้งที่ความจริงไม่ได้เป็นเหมือนที่พูดสักนิดเดียว
“พี่ไม่ชอบให้ทำตัวแบบนี่”
“แบบนี่ ...นะ...แบบไหน”
“ก็เที่ยวไปมั่วกับผู้ชายไม่เลือกหน้า เหมือน...” ชายหนุ่มพูดไปด้วยความโกรธ มือของเขาเผลอบีบที่ต้นแขนอย่างแรง จนภูมิเจ็บชาไปทั้งแขน
“ เอะ พี่แซมนี่มันตัวภูมินะ พี่แซมยุ่งอะไรด้วย” ภูมิสะบัดแขนออก ผลักร่างสูงใหญ่เต็มแรงจมล้มลง แล้วรีบวิ่งเข้าห้องตัวเอง ทิ้งให้ชายหนุ่มได้แต่อึ้ง ตกใจ เสียใจกับคำพูดที่ได้ยิน คำพูดคำแรกที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเสียใจ อย่างที่ไม่เคยเสียใจมาก่อน


รักมากมายนายภูมิ
ตอนที่ 7 : รักนี่ไม่มีสายพันธ์

เข็ม นาฬิกา บอกเวลาของวันใหม่ จะตีหนึ่งแล้ว แซมยังไม่วี่แววว่าจะกลับมาถึงบ้านสักที ภูมิได้แต่นอนรอคอย เมื่อไหร่หนอเขาจะกลับมาสักที สายตามองไปยังที่นอนข้างๆที่ปราศจากเจ้าของที่นอน เหลือไว้เพียงความโดดเดียว
คิดถึงผู้เป็นพี่ชายสุดหัวใจ ด้วยความเพลียร่างบางจึงเผลอหลับไป
แซม กลับมาถึงบ้านก็ปาเข้าไปตีหนึ่งครึ่ง ร่างสูงมองหาใครคนหนึ่งที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน สายตากวาดไปทั่วบริเวณบ้าน มองหาเป็นสิ่งแรกทันที ที่เปิดประตูบ้านเข้ามา
ร่างของใครคนหนึ่งกับการนอนที่คุ้นเคย หลับนิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด ที่คนรักยังไม่ได้หนีจากไปไหน
ปลาย เท้าที่สัมผัสกับพื้นบ้าน ที่ชายหนุ่มบรรจงระมัดระวังวางปลายเท้าให้เบาที่สุด ชายหนุ่มยืนจ่องมองร่างบางที่หลับใหลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย
วัน นี่เป็นอะไรที่แย่ที่สุดสำหรับตัวเขา ชายหนุ่มรู้สึกผิด รู้สึกเสียใจที่ตนไปต่อว่า พูดจาว่าร้าย ป้ายสีผู้เป็นน้องชายอันเป็นที่รักยิ่ง แต่ที่ทำไปก็ด้วยเหตุผลของผู้ชายคนหนึ่งที่ทนเห็นคนที่ตนเองรัก ไปชิดใกล้กับชายอื่น
แซมเอนตัวลงนอนเคียงคู่กายแบบแนบชิดอย่างแผ่วเบา กลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่นขึ้นมาซะก่อน
แต่ ไม่วายพลาดซะจนได้ ไหล่กว้างรู้สึกว่านอนทับกับสิ่งๆหนึ่ง และคำตอบก็เผยออกมาทันที ร่างบางร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด อย่างไม่รู้ตัว ชายหนุ่มมองไปที่ผู้เป็นน้องชายที่นำมืออีกข้างประคองจับไปที่ต้นแขน ที่เขียวช้ำ บวม เพราะฝีมือของตนเองเมื่อหัวค่ำนี่เอง
แซมรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น ที่ตนไปทำให้คนที่ตนรักต้องเจ็บปวดกาย และใจ เขารีบลุกขึ้นไปหยิบยานวดแก้บวมช้ำอย่างรีบเร่ง
“เจ็บไหม”
“ไม่หรอก”
“พี่ขอโทษนะ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับทายาลงไป สัมผัสลูบคลำ ผิวบริเวณที่ต้นแขนที่เขียวช้ำ อย่างแผ่วเบามือ
ไม่มีเสียงพูดใดใดออกจากปากของผู้เป็นน้องชาย นอกจากสีหน้าที่บูดเบี้ยวเหยเกด้วยความเจ็บปวด
“พี่เบาๆดิ”
“โทษที ขอโทษ” ชายหนุ่มคิดว่าแค่จับนวด พยายามให้เบามือที่สุด แต่ก็ไม่วายให้น้องชายต้องเจ็บ
“เป็นไง .... ดี ขึ้นยัง” ชายหนุ่มเอ๋ยถามออกไปด้วยความรู้สึกที่เป็นห่วงเป็นใยสุดชีวิต สีหน้าวิตกกังวลของเขานั้นแสดงถึงความรับผิดชอบอย่างจริงใจ และยอมรับผิดทุกอย่าง
ภูมิจ่องมองไปที่ใบหน้าคมเข้ม หล่อเหลาที่ตอนนี่ดูเศร้าใจเป็นหนักหนา จนตัวเองต้องเผลอหัวเราะ ขำออกมา
“ภูมิ ไม่ได้เป็นอะไรมากมายขนาดนั้น พี่แซมสบายใจได้” ภูมิพูดไปพร้อมกับหัวเราะไป ก่อนที่ร่างสูงใหญ่หรี่แสงไฟลง จนสลัวๆ มองเห็นอีกฝ่ายที่เอนตัวนอนลงไปเรียบร้อย
“แกล้งพี่เหรอ”
ชาย หนุ่มขยับตัวลงนอน แต่เบี่ยงออกห่างจากคู่นอนข้างๆ เกรงว่าจะไปถูกแขนที่กำลังบวมช้ำอยู่ สองพี่น้องต่างไม่พูดอะไรนานนับสิบนาที โดยที่ตายังไม่ได้หลับ กลับคิดอะไรต่อมิอะไรมากมายในชีวิต
“พี่แซม”
“หืม”
“ภูมิรู้นะ ว่าพี่แซมยังไม่ได้หลับ .. ภูมิมีเรื่องสำคัญจะบอกพี่แซม”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร แต่กลับเงี่ยหูรอฟังว่าคนข้างๆจะพูดว่าอะไร
“ภูมิอยากบอกพี่แซมว่า ภูมิมีความสุขมาก......มากเลยนะ....... มันเป็นความสุขที่ได้รับมาอย่างที่ภูมิเองไม่เคยได้รับมาก่อน .....ความสุขที่ภูมิเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไร.... พี่แซมเป็นพี่ชาย...ที่แสนดีของภูมิ… และภูมิก็รักพี่มากมาก รักมากที่สุดอย่างที่ไม่เคยรักใครเท่านี่มาก่อน ........อนาคตข้างหน้า.......ภูมิไม่รู้.....ไม่ รู้ว่าหากวันหนึ่งภูมิไม่ได้อยู่กับพี่แล้ว ภูมิเองจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ภูมิดีใจ ดีใจที่ได้รู้จักพี่แซมแม้ว่าจะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆก็ตาม”
“ภูมิพูดเหมือนกับว่าจะหนีพี่ไปไหน”
“ภูมิไม่ได้หนีพี่ไปไหนหรอก” ภูมิรีบแจงขึ้นมาทันที อยากให้ผู้เป็นพี่ชายสบายใจมากที่สุด
“ภูมิหมายถึง สักวันหนึ่งเราสองคนก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี” ภูมิหันหน้ามองไปที่ชายหนุ่ม ที่กำลังมองมาที่ตนเช่นกัน
“พี่ไม่ให้ภูมิไปไหนหรอก ภูมิจะต้องอยู่กับพี่ตลอดไป เพราะภูมิคือทุกสิ่งทุกอย่างของพี่ ”
“หุหุ..... เอาซะหวานเชียว เขินนะนี่ ”
“พี่พูดจริงๆนะ”
“แล้วถ้าสมมุติว่าวันหนึ่ง ภูมิเกิดไม่อยู่ขึ้นมาจริงๆ พี่จะทำยังไงละ” ภูมิทำหน้าล้อเล่นตรงข้ามกับใจที่ถามอย่างจริงจัง
“พี่กำลังจะบอกว่า พี่คงอกแตกตายเลย ใช่ไหม พี่” ภูมิดักตอบคำซะก่อนที่ผู้เป็นพี่ชายจะตอบ หากแต่อีกฝ่ายตอบตามมาทีหลัง
“ถ้าภูมิหนีพี่ไป พี่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่เพื่ออะไร พี่คงจะตามหาภูมิให้เจอ เพราะภูมิมีความสำคัญกับพี่มากที่สุด ในตอนนี้”
ชายหนุ่มพูดพร้อมกับน้ำเสียงที่มันคงจริงจัง"
“แหม......พี่แซมพูดยังกะภูมิเป็นคนรักของพี่ เป็นแฟนของพี่ ....ที่พี่รักมากยังไงยังงั้น”
แซมอยาก จะบอกภูมิซะเหลือเกินว่า เขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ นับวันยิ่งแต่เพิ่มมากขึ้นทวีคุณ ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพร้อมกับขยับตัวเข้ามาชิดใกล้ร่างบางที่นอนราบกับพื้น ตาจ่องมองไปที่ดวงตา
“ภูมิ..”
“หืม....”
“ถ้า พี่จะบอกว่าพี่คิดกับภูมิแบบนั้นจริงๆ ภูมิจะเชื่อพี่ไหม” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง ดวงตาทั้งคู่แผงไปด้วยความเชื่อมั่นในคำพูดของเขา ที่พูดออกมาจากปาก และส่งมาจากหัวใจ
ภูมิได้ยินถึงกันนอนไม่ติดกับที่นอนเช่นกัน ร่างบางค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นมา พร้อมกับฟาดฝ่ามือน้อยๆตีลงเบาๆไปที่หัวไหล่ของชายหนุ่ม
“พูดเป็นหนังอินเดีย รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“นี่ภูมิไม่รู้จริงๆเหรอ ว่าตลอดเวลาที่พี่ทำ สิ่งที่พี่ทำไปทั้งหมดมันหมายความว่าอะไร”
แซมพูดพร้อมกับขยับตัวเข้ามานั่งชิดภูมิมากยิ่งขึ้น จนอีกฝ่ายใจเต้นระทึก
“พี่รักภูมิ”
แซมสารภาพรัก เป็นครั้งแรก หลังจากที่เก็บความรู้สึกนี่ไว้ในใจนานแสนนาน
ภูมิ รู้สึกเหมือนหูฝาด อึ้งตกใจจนคิดอะไรไม่ออก รู้ตัวอีกทีร่างบางก็ถูกกอดเข้าสู่อ้อมอกอุ่นจากผิวกายที่ไร้อาภรณ์ที่ตึง เครียดไปด้วยกล้ามเนื้อแน่น ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มโน้มลงมาชิดติดกับใบหน้าของภูมิห่างกันไม่ถึงคืบ
“พี่แซมเป็นเกย์เหรอ” ภูมิพูดพร้อมกับเอียงหน้าหนีหน้าคมเข้มที่ขยับเข้ามาชิดแก้มนวลอย่างได้โอกาส
“พี่ไม่รู้ว่าพี่เป็นหรือเปล่า แต่ถ้าต้องเป็นเพราะว่า ได้รักภูมิ ต่อให้เป็นอะไรที่มากกว่านี่พี่ก็จะเป็น พี่ยอมทุกอย่าง”
กอด หลวมๆเริ่มรัดแน่นมากยิ่งขึ้น จมูกโด่งๆควานหาความหอมหวานไปทั่วบริเวณ หนวดเคราที่งอกขึ้นมาใหม่ๆ ทำให้ผู้เป็นน้องชายถึงกับสะท้าน ขนลุกไปทั้งตัว ขณะที่ผู้เป็นพี่ชายกลับได้โอกาสสำรวจความหอมหวานจากแก้มนวลอย่างถ้วนถี่
และท่าทางจะเอาจริง เริ่มลามพื้นที่มากยิงขึ้น
“พี่ แซมเมาเหล้าแน่แน่เลย” ภูมิพูดเพราะเกรงว่าคำพูดที่ได้ยินมาทั้งหมดเกิดเพราะความเมา หากแต่ชายหนุ่มกลับสนใจแต่ความหอมหวานของแก้มเนียนและซอกคอขาวเนียนอย่างติด ใจ
“พี่ไม่ได้เมา พี่มีสติครบทุกอย่าง พี่อยากจะบอกภูมินานแล้ว แต่กลัว..กลัวว่าภูมิไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับพี่”
“พี่แซมไม่.....อย่า....” เสียงเรียกร้องห้ามปราม ผู้เป็นพี่ชายที่กอดรัดจูบไซร้หนักมากขึ้น
“คืนนี่ พี่จะทำให้ภูมิรู้ว่า พี่รักภูมิมากเท่าได”
“พี่ แซมแกล้งภูมิเล่นใช่ไหม” ภูมิพูดพร้อมๆกับพยายามเอียงหน้าหนีจากจมูกโด่ง และริมฝีปากฉับไว หากแต่ชายหนุ่มกลับประคองร่างบางให้นอนราบลงกับพื้น โดยมีร่างของตนตามลงมา ใบหน้าคมเข้มขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นจนชิดใบหูสะอาด “พี่ไม่ได้แกล้ง พี่จะทำให้ภูมิรู้ว่าพี่รักภูมิจริงๆ” พูดเสร็จ ชายหนุ่มก็ไซร้จมูกและริมฝีปากไปที่ใบหู ซอกคอขาวเนียน
ริม ฝีปากของชายหนุ่มบดเคล้ากับริมฝีปากอ่อนนุ่มที่กำลังสั่นระริก จูบของชายหนุ่มช่างอ่อนโยน ชายหนุ่มค่อยๆสอดแทรกลิ้นเข้าไปข้างในช้าๆ ค่อยๆจูบ ค่อยๆเป็นค่อยไป สอนรักให้กับคนรักอย่างชื่นใจ
ผู้ เป็นน้องชายเมื่อถูกสัมผัสที่อ่อนโยน และหนักหน่วงสลับคละเคล้าเกินไป เป็นเพราะหัวใจรักที่ตรงกัน ทำให้สนองรับจูบตอบกลับอย่างไม่รู้ตัวด้วยความไร้เดียงสา การตอบสนองทำให้อารมณ์รักในตัวของชายหนุ่มก่อตัวขึ้นอย่างเต็มเปี่ยม จากจูบที่แผ่วเบา ก็เริ่มหนักขึ้นทีละนิด หนักขึ้น หนักมากขึ้นจนผู้เป็นน้องชายแทบจะสำลักรสจูบที่หนักหนวงของผู้เป็นพี่ชาย ที่กำลังโหยหา เหมือนคนที่อดอยากหิวกระหายรสรักซะเนินน่านเต็มเปี่ยม
เนิ่น นานซะเหลือเกิน กว่าที่จะชายหนุ่มจะถอนริมฝีปาก แซมมองไปที่ริมฝีปากบางที่พึ่งผละออก ซึ่งแดงซ่านจากรสจูบอันหนักหน่วงของตน และมีความต้องการ รู้สึกหิวกระหายต้องการที่จะทำมากกว่าการจูบ
“พี่รักภูมิ นะ........ภูมิให้พี่นะ...” ชายหนุ่มเอ๋ยขอ.......อย่างตรงๆ ซึ่งๆหน้า
ภูมิ ได้หลบหน้าด้วยความอาย เสื้อกล้ามตัวหลวมๆที่สวมอยู่ หลุดออกจากตัวไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เผยผิวขาวเนียนสวยชวนใจเร้าอารมณ์ชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น ดอกบัวน้อยๆสีชมพูเป็นที่ตรึงตราตรึงใจแก่สายตา
“ไม่ต้องกลัวนะคนดี”
จูบ หนักหนวงเริ่มขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มใช้ลิ้นดูดควานหาความหอมหวานแอร่มอย่างไม่หยุดหย่อน มือของชายหนุ่มเริ่มสัมผัสลูบไล้กับเนื้อตัว ผิวกายนุ่มๆ จนร่างบางสั่นสะท้านตามธรรมชาติ ภูมิไม่รู้ว่าแซมเอาเวลาตอนไหนจัดการกับกางเกงขาสั้นของเขาและตนเอง เหลือเพียงแค่ร่างที่เปลือยที่ขาวนวลเนียนอย่างเห็นได้ชัดจากเงาตะคุม
แซม ไม่ปล่อยให้ร่างงามรอดพ้นจากรสจูบและสัมผัสแผ่วเบาอ่อนโยนแม้แต่นิดเดียว จูบไซ้หนักเบาสลับคละเคล้ากันไปทั่วกาย ลีลารักที่สั่งออกมาจากหัวใจ ทำให้ผู้เป็นน้องชายถึงกับสั่นสะท้าน ตอบสนองเผลอไผลรสรักอย่างไร้เดียงสา
ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายค่อยๆสอนรักให้กับภูมิ จนท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ไม่สามารถหักห้ามอารมณ์ปรารถนาอันแรงกล้าได้ ***********************************************************************************
ตอนที่ 9 รักครั้งสุดท้าย สุดท้ายที่ได้รัก
ร่าง ของภูมิผู้เป็นน้องชายในอ้อมกอดของแซมพี่ชายสุดที่รักยังคงฝังตรึงอยู่ในใจ ภูมิยื่นนิ้วมือบีบที่จมูกโด่งของชายหนุ่ม พร้อมกับกัดจูบหนักๆไปที่ต้นคอของชายหนุ่มสุดแรง หลังจากที่รู้สึกตื่นขึ้นมาในยามเช้า ซึ่งแซมเองตื่นมาตั้งนานแล้วพร้อมกับสิ่งๆหนึ่ง ทำได้แค่เพียงแต่หลับตาเฉยๆ
“โอ๊ยเจ็บนะ” แซมแกล้งร้องโอดครวญ ก่อนที่พลิกตัวคร่อมร่างบาง
“ร้ายนักใช่ไหม อย่างนี่ต้องโดนลงโทษ” แซมพูดกระซิบข้างใบหูพร้อมๆกับจูบไซร้ที่ใบหูไปมา โดยที่อีกฝ่ายได้แต่ดิ้นขลุกขลิกในอ้อมกอด
“ภูมิรักพี่รักเปล่า” ชายหนุ่มเลยหน้าขึ้นให้โอกาสให้คนรักได้เตรียมกายเตรียมใจ
“รัก” ภูมิตอบพร้อมกับรีบพลิกตัวหนี จากจูบที่วุ่นวายไปทั่วใบหน้า และซอกคอ
“พอแล้วพี่แซม”
“อีกนิด” ชายหนุ่มโน้มหน้าคมเข้มลงไปใหม่ แต่โดนมือนุ่มดันใบหน้าเอาไว้ซะก่อน
“พอแล้ว”
แซมไม่ฟังคำขอของน้องชายที่รัก แต่กลับกอดจูบร่างบางอีกครั้ง บทรักบรรเลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ทั้งสองร่วมด้วยช่วยกัน

ช่วง เวลาที่มีความสุขมากที่สุด ก็คือช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคนที่เรารัก สถานที่ไหนที่มีอีกคน ย่อมมีใครอีกคนหนึ่งอยู่ชิดใกล้เสมอ ไม่ได้ผิดแปลกไปจากคู่รักชายหนุ่มทั่วไป เพราะภูมิเองมองดูก็คล้ายกับสตรีเพศดีดีนั้นเอง
สวรรค์ กำหนด ให้ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ตรงข้ามกับความชอกช้ำที่ช่างยืดเยื้อยาวนานเหลือเกิน ซึ่งแท้จริงแล้ว จิตใจตังหากที่เป็นผู้กำหนด
“พี่แซม... ไปโรงเรียนก่อนนะ”
แซม มองไปยังคนรักของตนที่แต่งกายในชุดกากี ของเครื่องแบบข้าราชการครู แซมแนะนำให้ภูมิใส่แว่นตาด้วย เพื่อเพิ่มความยำเกรง เด็กนักเรียนจะได้ไม่กล้าเหลิง เพราะครูใหม่คนนี้เป็นที่ตรึงตราตรึงใจเด็กนักเรียนแน่แท้
วัน นี่เป็นวันแรกที่โรงเรียนเปิดเรียน ชายหนุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์เวสป้าคู่ใจไปส่งคนรักถึงโรงเรียน และขับเข้าไปส่งข้างในถึงอาคารเรียน ก่อนที่จะพูดจาหยอกล้อกันไปมาดั่งคู่รัก ครูหนึ่งผู้เป็นพี่ชายก็ต้องกลับไป
ครูดวงใจต้องถอนใจอย่างหนัก กับภาพที่เห็นโดยบังเอิญ และคิดอะไรต่อมิอะไรตามประสาแม่ที่รักและหวงใยลูก
ชาย หนุ่มเองไม่อยากให้ภูมิทำงานอะไรเลย แซมอยากให้ภูมิอยู่ข้างๆกายของตนตลอดเวลาก็เพียงพอ ซึ่งชายหนุ่มเอ๋ยปากร้องขอนับสิบรอบ แต่ก็โดนปฏิเสธแทบทุกครั้ง
“ภูมิสัญญากับแม่แล้วว่า ภูมิจะต้องแต่งชุดข้าราชการครูสีกากี”
ชาย หนุ่มก้าวเดินเข้ามาในบ้านยิ้มอย่างมีความสุข เขามีความสุขที่ได้รัก และยิ่งเห็นคนที่ตัวเองรักมีความสุข แซมก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเป็นเท่าตัว หวังว่ารักครั้งนี้จะเป็นรักที่เนิ่นนาน ยืนยาวตลอดไป
“อ้าว...คุณครูน้องภูมิ ลืมของอีกจนได้…ขี้ลืมจริงๆเลย”
ชาย หนุ่มเดินไปหยิบถุงผ้าที่วางอยู่บนตู้ชั้น สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นมือของชายหนุ่มเผลอไปถูกภาพถ่ายที่ทั้งสองได้ไป เที่ยวด้วยกันที่น้ำตก หล่นลงมาสู่พื้นแตกกระจาย เหมือนเป็นลางสังหรณ์บอกอะไรสักอย่าง แต่ชายหนุ่มก็พยายามปลอบใจตัวเองว่ามันเป็นแค่เหตุบังเอิญเท่านั้นเอง
แซม รีบจัดการเก็บกวาดเศษกระจกเรียบร้อย แซมก็ถือถุงผ้าเตรียมตัวเอาไปส่งยังเจ้าของ อะไรบางอย่างทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสงสัยเอะใจว่ามันคืออะไร ชายหนุ่มจึงเปิดดู สิ่งที่เห็นทำให้ความสงสัยก่อตัวขึ้นมา ในถุงผ้ามียาอะไรก็ไม่รู้จำนวนมากห้าหกซอง พร้อมสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง ชายหนุ่มรีบเปิดอ่านทันที
ลายมือที่คุ้นตา เนื้อความในภาษาที่กลั่นกรองมาจากใจ เขียนความในหมดทุกอย่างจากออกมาจากหัวใจ
แซมอ่านไปยิ้มไปด้วยความสุขได้เพียงครู่เดียว สีหน้าของชายหนุ่มก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่ออ่านผ่านข้อความนั้นๆ
แซม แทบจะร้องให้ ตกใจ ตอนนี่เขาห่วงหวงคนรักของตนมากที่สุด แต่ทำไมภูมิไม่เคยบอกกล่าวอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มใจหายจนถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง คิดถึงคำพูดที่เคยพูดกัน “ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งภูมิไม่อยู่ขึ้นมา......”
ความรู้สึกเหมือนใจจะขาดเสียให้ได้ รถจักรยานยนต์ถูกสองมือบิดจนสุด เร่งความเร็วอยากให้ถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด

ตอนจบ ; จุดจบของหัวใจ
ร่างสูงรีบวิ่งอย่างสุดแรงกาย เมื่อพบว่าคนที่ตนรักนักหนาเริ่มเซ ยืนไม่อยู่กับที่ ร่างบางค่อยๆทรุดตัว สลบล้มลง หน้าเสาธงขณะที่กำลังแนะนำตัวในฐานะครูคนใหม่ของโรงเรียน อะไรบางอย่างบอกกับเขาว่า ภูมิกำลังจากเขาไป จากเขาไปโดยไม่มีได้พบเจอกันอีก ซึ่งตัวชายหนุ่มเองไม่มีวันยอมเป็นอันขาด
แซม แทรกตัวเข้าไปแหวกวงล้อมกลุ่มครูและนักเรียน ชายหนุ่มมาถึงก็ช้อนร่างบาง ขึ้นสู่อกกว้างแข็งแรงในแขนทั้งสองข้าง ขณะที่มือประคองศีรษะ รีบอุ้มร่างบางกึ่งเดินกึ่งวิ่ง ไปยังรถของครูดวงใจผู้เป็นแม่ ที่จอดรอรับอยู่แล้ว
ครูดวงใจรีบแล่นรถออกจากโรงเรียนอย่างฉับไว มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลอย่างรีบเร่ง
ภาพของลูกชายตัวเองที่ประคองกอดร่างของเด็กหนุ่มครูคนใหม่ ทำให้ครูดวงใจถึงกับอึ้ง เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น
ชายหนุ่มประคองกอดร่างบางในอ้อมแขนด้วยความรู้สึกที่ห่วงใย ห่วงหาอาทรสุดชีวิต ราวกับว่านี่เป็นการกอดเป็นครั้งสุดท้าย ชายหนุ่มบรรจงจูบไปที่หน้าผากของภูมิที่นอนนิ่ง หน้าขาวซีด มือข้างหนึ่งกุมมือเย็นไว้บีบนวดไม่ลดละ
น้ำตาของลูกผู้ชายที่นานนานครูดวงใจจะมีโอกาสได้เห็น และนี่เป็นครั้งล่าสุดในหลายปีที่เห็นลูกชายตนเอง ร้องให้ออกมา ความรู้สึกและท่าทางของผู้เป็นลูกที่มีอาการวิตกกังวลเต็มเปี่ยม เป็นห่วงเป็นใยคุณครูน้องภูมิสุดแรงใจ ทำให้ผู้เป็นแม่เหยียบคันเร่งให้เร็วยิ่งขึ้น เพื่อ...เพื่อ..ความสุขของลูกชาย แม่ทำได้ทุกอย่าง
*******************************************************************************
เป็นเวลากว่าสี่ชั่วโมงที่ครูดวงใจมองเห็นลูกชายเดินไปเดินมา นั่งไม่ติดกับที่
แซม เอง ณ ตอนนี่รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ในใจก็ได้แต่ภาวนาขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยรักษา ภูมิคนรักของตนให้อยู่รอดได้ ครู่หนึ่งแพทย์เฉพาะทางก็ออกมาจากห้องผ่าตัดฉุกเฉิน
“ท่านไหนครับที่ชื่อแซม”
“ผม ครับ” แซมรีบก้าวเดินมาหาหมอ และก้าวเดินเข้าไปข้างใน ชายหนุ่มพอจะรู้ว่านี้เป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่ทั้งสองพี่น้อง ภูมิผู้เป็นน้องชาย แซมผู้เป็นพี่ชาย และทั้งสองกลายเป็นสุดที่รัก สุดรักสุดดวงใจ
ชายหนุ่มมองไปที่ร่างบางในชุดคลุมของโรงพยาบาล พร้อมกับสายอะไรก็ไม่รู้หลายสาย ในตัวของคนรัก
หน้าซีดเผือดที่ ณ เวลานี่น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มไม่ยอมหยุด ก่อนที่จะค่อยๆลืมตาขึ้นมา มองหน้ามาที่ตนไม่กระพริบ
“ภูมิ ทำใจดีดีไว้นะ ภูมิต้องไม่เป็นอะไร ภูมิ...ภูมิต้องอยู่กับพี่ตลอดไป...เราสัญญากันแล้วไงว่าเราจะรักกันตลอดไป...”
ตาแดงช้ำด้วยความรู้สึกเศร้าโศก ที่พยายามข่มน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา แต่ก็อดไม่ได้ น้ำตาที่กลั่นออกมาจากหัวใจรัก
เรื่อง ราวต่างๆที่ผ่านมา ทำให้ชายหนุ่มน้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง มือของชายหนุ่มคว้ากุมไปที่มือที่เย็นเฉียบ ไออุ่นรักจากชายหนุ่มทำให้ภูมิ พยายามที่จะพูดอะไรบางอย่างกับแซม ดวงตาคู่สวยที่บัดนี่ที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา มองมาที่หน้าของผู้เป็นพี่ชาย แซม คนรักของภูมิ เป็นครั้งสุดท้าย
“แซม.......ด...ดู...แล....ต..ตัว..เอง...ด..ด้ว....ด้วย”
หากแต่ชายหนุ่มไม่อยากรับคำสั่งลาครั้งสุดท้ายนี่เลย ชายหนุ่มรับไม่ได้ จูบที่ส่งมาจากใจบรรจงลงที่มือของผู้เป็นน้องชาย
“ภ....ภูมิ....ร..ร..รัก...พ.....พี่...แ.....แซ.....แซ...แซม”
เสียงสั่นเครือ ที่พยายามพูดออกมาให้ได้ เป็นคำบอกรักที่ชายหนุ่มรู้อยู่แก่ใจเป็นอย่างดี
“พี่รักภูมิ” แซมกล่าวคำบอกรักกลับคืน มือของทั้งสองจับกุมกันไว้อย่างแน่นหนา
ยิ้มทั้งน้ำตา ยิ้มครั้งสุดท้ายของภูมิ ที่แซมจะได้เห็น บอกได้เป็นอย่างดีว่า สุขใจยิ่งนัก ก่อนที่จะค่อยๆหลับตาลงไป
พร้อมกับเสียงร่ำให้ของชายคนรัก .......แซมรักภูมิ...รักที่เกิดจากหัวใจ ...รักแท้....รักจริง....รักเธอ...รักภูมิ......

พบกับภาคต่อไปของรักมากมายนายภูมิได้เร็วๆนี้
โหวดให้ด้วยนะครับผม
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Search for content in this blog.