วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คนโขน Konkhon

คนโขน Konkhon เรื่องของคน เรื่องของโขนนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2508 โดยเล่าเรื่องราวของ “ชาด” (อภิญญา รุ่งพิทักษ์มานะ) เด็กกำพร้าที่ถูกครูโขนฝีมือดีอย่าง “ครูหยด” (สรพงษ์ ชาตรี) เลี้ยงดูและฝึกหัดโขนให้ตั้งแต่เล็กๆ จนกระทั่งเติบใหญ่มีฝีไม้ลายมือเก่งกาจกลายเป็นศิษย์เอกในคณะโขนของครูหยด อีกทั้งชาดยังได้รับความช่วยเหลือและกำลังใจที่ดีเสมอมาจากเพื่อนรักอย่าง “ตือ” (กองทุน พงษ์พัฒนะ) และ “แรม” (นันทรัตน์ ชาวราษฎร์) ที่สนิทสนมรักใคร่ผูกพันกันมาตั้งแต่วัยเด็ก ด้านครูหยดก็ได้มองเห็นแววที่จะเอาดีทางด้านนี้ของชาด และคิดจะเปิดตัวชาดในบทพระรามเป็นครั้งแรกในงานแสดงโขนประจำปีครั้งใหญ่ที่วัดอ่างทอง เส้นทางชีวิตของชาดดูเหมือนจะไร้ซึ่งอุปสรรคในการก้าวตามความฝัน เพื่อมุ่งสู่จุดสูงสุดของชีวิตนักแสดงโขนตามความทะยานอยากในวัยหนุ่มของเขา แต่เมื่อ “ครูเสก” (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) อดีตเพื่อนรักของครูหยด ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจด้วยปมแค้นฝังลึก ได้รับรู้เรื่องการแสดงของคณะครูหยด จึงหาวิธีกลั่นแกล้งไม่ให้ครูหยดได้แสดงโขนที่วัดนี้ ซึ่งก็เข้าทางหลานชายสายเลือดโขนของครูเสกอย่าง “คม” (ขจรพงศ์ พรพิสุทธิ์) คู่อริเก่าของชาดที่ต้องการแก้แค้นและเอาคืนชาดอย่างสาสมเช่นกัน บางครั้งเราก็ต้องพบกับฝันร้ายโดยไม่รู้ตัว... เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เมื่อปัญหาที่ถาโถมเข้ามาหาครูหยดและชาดนั้นไม่ใช่แค่มายาแห่งนาฏกรรมโขนอันเกิดมาจากความอาฆาตแค้นไม่สิ้นสุดของครูเสกและคมเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ชาดยังหลงเข้าไปในวังวนแห่งตัณหาราคะที่ก่อเกิดจาก “รำไพ” (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) เมียรุ่นลูกของครูหยดที่จ้องจะเข้าหาชาดทุกครั้งที่มีโอกาส รวมทั้งมิตรภาพระหว่างเพื่อนรักอย่างชาด, แรม และตือที่ถูกสั่นคลอนลงอย่างไม่คาดฝัน นั่นเป็นเหตุให้ชีวิตของชาดซวนเซและพลิกผันไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ฉากสุดท้ายของชาดจะสามารถกลับลำและไปถึงฝั่งฝันได้หรือไม่ ถึงเวลาที่ชาดจะต้องต่อสู้เอาชนะด้านมืดของตัวเอง และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ หาใช่หัวโขนที่สวมใส่

ตำนานเดชนางพญางูขาว

ชื่อภาษาอังกฤษ : The sorcerer and the white snake
ชื่อภาษาไทย : ตำนานเดชนางพญางูขาว

เรื่องย่อ :

ตำนานของนางพญางูขาว กลับมาโลดแล่นบนจอเงินอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยทุนสร้างกว่า 750 ล้านบาท จากการกำกับของ เฉินเสี่ยวตง ที่มีผลงานสุดคลาสสิกมากมาย เช่น เดชคำภีร์เทวดา ภาค 2 (นำแสดงโดย เจ็ท ลี) , โปเยโปโลเย ภาค 1 และ 3 นำแสดงโดยแอ็คชั่นสตาร์แห่งเอเชีย เจ็ท ลี (The Warlords , Hero) , หลินฟง พระเอกหนุ่มจาก TVB ที่ฮ็อตที่สุดในขณะนี้ , ชาร์ลีน ชอย หนึ่งในนักร้องวง Twins และมีผลงานการแสดงใน The Twins Effect ภาค 1 และ 2 , วิเวียน ซู จาก The Accidental Spy และ Fire of Conscience และ หวงเซิ่งอี นางเอกจาก Kung Fu Hustle กับบทบาท “นางพญางูขาว”

โหลดไปดูกันนะ

http://adf.ly/3Urzo


ตำนานเดชนางพญางูขาว

ชื่อภาษาอังกฤษ : The sorcerer and the white snake
ชื่อภาษาไทย : ตำนานเดชนางพญางูขาว

เรื่องย่อ :

ตำนานของนางพญางูขาว กลับมาโลดแล่นบนจอเงินอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยทุนสร้างกว่า 750 ล้านบาท จากการกำกับของ เฉินเสี่ยวตง ที่มีผลงานสุดคลาสสิกมากมาย เช่น เดชคำภีร์เทวดา ภาค 2 (นำแสดงโดย เจ็ท ลี) , โปเยโปโลเย ภาค 1 และ 3 นำแสดงโดยแอ็คชั่นสตาร์แห่งเอเชีย เจ็ท ลี (The Warlords , Hero) , หลินฟง พระเอกหนุ่มจาก TVB ที่ฮ็อตที่สุดในขณะนี้ , ชาร์ลีน ชอย หนึ่งในนักร้องวง Twins และมีผลงานการแสดงใน The Twins Effect ภาค 1 และ 2 , วิเวียน ซู จาก The Accidental Spy และ Fire of Conscience และ หวงเซิ่งอี นางเอกจาก Kung Fu Hustle กับบทบาท “นางพญางูขาว”



The Sorcerer and the White Snake

เรื่องย่อ ดูหนังออนไลน์ The Sorcerer and The White Snake ตำนานเดชนางพญางูขาว

“ตำนานของนางพญางูขาว กลับมาโลดแล่นบนจอเงินอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยทุนสร้างกว่า 750 ล้านบาท จากการกำกับของ เฉินเสี่ยวตง ที่มีผลงานสุดคลาสสิกมากมาย เช่น เดชคำภีร์เทวดา ภาค 2 ,โปเยโปโลเย ภาค 1 และ 3 นำแสดงโดยแอ็คชั่นสตาร์แห่งเอเชีย เจ็ท ลี หลินฟง พระเอกหนุ่มจาก TVB ที่ฮ็อตที่สุดในขณะนี้,ชาร์ลีน ชอย หนึ่งในนักร้องวง Twins และมีผลงานการแสดงใน The Twins Effect ภาค 1 และ 2,วิเวียน ซู จาก The Accidental Spy และ Fire of Conscience และ หวงเซิ่งอี นางเอกจาก Kung Fu Hustle กับบทบาท นางพญางูขาว ”

คอมเม้นบางส่วน : ตำนานของนางพญางูขาว กลับมาโลดแล่นบนจอเงินอย่างยิ่งใหญ่ น่าติดตามชมเป็นอย่างยิ่ง จากฝีมือผู้กำกับ เฉินเสี่ยวตง การันตีด้วยความสำเร็จจากผลงานที่มากมาย อาทิเช่น เดชคำภีร์เทวดา ภาค 2 และนักแสดงชั้นนำ เจ็ท ลี หลินฟง ร่วมกับ ชาร์ลีน ชอย และ หวงเซิ่งอี กับบทบาท นางพญางูขาว

เชิญดูตัวอย่าง ดูหนังออนไลน์The Sorcerer and The White Snake ตำนานเดชนางพญางูขาว

โปเยโลเย" (A Chinese Fairy Tale) เวอร์ชั่น 2011

ใบปิดใหม่ "โปเยโลเย" (A Chinese Fairy Tale) เวอร์ชั่น 2011



ใบปิดใหม่ "โปเยโลเย" (A Chinese Fairy Tale) เวอร์ชั่น 2011

บริษัทผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง A Chinese Fairy Tale (Qian Nyu You Hun) หรือ "โปเยโปโลเย" ฉบับ 2011 ได้เผยโฉมโปสเตอร์ใหม่ของหนังให้เห็นกันแล้ว โดยผลงานของผู้กำกับ "วิลสัน ยิป" (Wilson Yip) มีกำหนดเข้าฉายในช่วงกลางปีนี้

กลายเป็นที่จับตามองทันที เมื่อผู้กำกับชาวฮ่องกงคนดังแห่งปี พ.ศ. นี้อย่าง วิลสัน ยิป เจ้าของผลงาน Ip Man ทั้งสองภาค ได้หยิบเอาหนังดัง A Chinese Ghost Story หรือ โปเยโลเย เย้ยฟ้าแล้วก็ท้ากลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง ในชื่อ A Chinese Fairy Tale และนักแสดงสาวสวย หลิวอี้เฟย (Liu Yi Fei) คือตัวเลือกของผู้กำกับ สำหรับบทบาทผีสาวแสนสวยที่ หวังจู่เสียน (Joey Wong) เคยแสดงไว้จนโด่งดังเมื่อประมาณ 24 ปีก่อน

ในการแถลงข่าวเปิดกล้องเมื่อช่วงปลายปีก่อน หลิวอี้เฟย ยอมรับว่าเธอยังไม่เคยดูหนังฉบับก่อน ๆ ซึ่งผู้กำกับก็แนะนำว่า เธอไม่จำเป็นต้องไปหา โปเยโปโลเย เวอร์ชั่นเก่าๆ มาดูแต่อย่างใด ... "ฉันถามว่าควรจะดูหนังฉบับเก่ารึเปล่า แต่ผู้กำกับบอกว่าไม่จำเป็นค่ะ เขาบอกว่าอยากให้ฉันจิตนาการการแสดงของตัวเอง โดยไม่ต้องดูการแสดงของนักแสดงคนอื่นก่อน"

นอกจาก หลิวอี้เฟย แล้ว หนังยังจะมีนักแสดงชื่อดังร่วมแสดงอย่างคับคั่ง หยู่เส้าชุน (Yu Shaoqun) นักแสดงหนุ่มผู้โด่งดังจากบทดารางิ้ว เหมยหลันฟาง (Mei Lanfang) ใน Forever Enthralled จะแสดงเป็นตัวละครบัณฑิตหนุ่มที่ เลสลี่ จาง (Leslie Cheung) ผู้ล่วงลับแสดงเอาไว้ นอกจากนั้นยังมีนักแสดงชื่อดัง กู่เทียนเล่อ (Louis Koo) และ ฟั่นเส้าหวง (Louis Fan) ร่วมรับบทเด่นขณะที่สาวเซ็กซี่ กงซินเหลียง (Miumiu Gong / Gong Xin Liang) และดารารุ่นใหญ่ ฮุ่ยอิงหง (Kara Hui) จะสวมบทบาทเป็นปิศาจตัวร้ายของเรื่อง

ขณะนี้ A Chinese Fairy Tale ปิดกล้องไปเรียบร้อยแล้ว และหนังอยู่ระหว่างการทำโพสโปรดักชั่นเพื่อเข้าฉายภายในกลางปี 2011

CRI English / BeyondHollywood / Manager Online

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ดาวน์โหลดเกมส์จับคู่ pokemon 2003

อันนี้รูปตัวอย่างคับ ถ้าเหนแล้วน่าจะต้องอ๋อ หลายคนยังตามหาเกมนี้ ถ้าใครไม่เคยเล่นลองดูน่ะคับ คำเตือนเล่นในเวลางานอาจจะตกงานน่ะคับ


Grin
2003


โหลด http://www.mediafire.com/file/jymzz3zzydz/kawai2003.zip

2004


โหลด http://www.mediafire.com/file/hfzzmwxmjna/kawai2004.zip

2005


โหลด http://www.mediafire.com/file/qmj1qwwzmdg/kawai2005.zip

ขอให้สนุกน่ะคับผม

ZTE MF100 เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด HSDPA 3.6Mbps


ZTE MF100 เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด HSDPA 3.6Mbps




ZTE MF100 เป็นอุปกรณ์แบบ USB 3G Modem ที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (รองรับความเร็วสูงสุด HSDPA 3.6Mbps) สามารถใช้งานได้กับพีซีและโน้ตบุ๊ก โดยมีช่องสำหรับใส่ MicroSD Card เพื่อจัดเก็บข้อมูลซึ่งสามารถรองรับได้สูงสุด 32 GB โดย ZTE MF100 มีการออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายเนื่องจากมีการตั้งค่าจากทางโรงงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงเลือกผู้ให้บริการตามที่ใช้งาน

ลักษณะของ ZTE MF100 ถ้ามองโดยผิวเผินก็เหมือนกัน USB Flash Drive ทั่วๆ ไป โดยด้านบนของตัวเครื่องเป็นโลโก้ ZTE และ 3G พร้อมมี LED ที่แสดงสถานะการทำงานของตัว AirCard ไว้ด้วย ตัวเครื่องออกแบบให้มีลักษณะเป็นขาวดำโดยด้านบนเป็นสีดำและด้านล่างเป็นสีขาว บริเวณส่วนของพอร์ต USB จะมีช่องสไลด์สำหรับใส่ซิมการ์ดโดยการถอดเข้าออกสามารถใช้นิ้วหัวแม่มือในการสะกิดออกมาได้ ด้านล่างของตัวเครื่องมีชื่อรุ่น, รหัส S/N, IMEI, EAN แจ้งไว้ให้ทราบ


สำหรับการใช้งาน ZTE MF100 นั้นให้เสียบตัว USB ZTE MF100 เข้าที่พอร์ต USB ของเครื่องคอมพิวเตอร์จากนั้นระบบจะทำการ Autorun ติดตั้งซอฟต์แวร์ให้โดยอัตโนมัติ (ถ้าใครที่มี Antivirus ที่ป้องกันระบบ Autorun ให้หยุดการทำงานไว้ก่อน) หรือถ้าไม่มีหน้าจอเด้งขึ้นมาให้ Double Click ที่ไดร์ฟนั้นแล้วติดตั้งตามปกติ หรือหาไฟล์ setup ในไดร์ฟที่แสดงขึ้นมา จากนั้นจะมีขั้นตอนต่างๆ มาให้เพียงผู้ใช้งานคลิกตามขั้นตอนไปจนเสร็จสิ้น จะมีไอคอน Join Air ขึ้นมาที่หน้าจอสามารถคลิกทำงานได้ทันที

ซอฟต์แวร์ Join Air เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของ ZTE MF100 โดยจะแบ่งการทำงานเป็นด้านบนและล่าง ซึ่งจะมีไอคอนเมนูการทำงานอยู่ด้านบนผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสัญลักษณ์ได้ง่ายหรือไม่ไม่เข้าใจสามารถนำเมาส์ไปชี้ที่ไอคอนนั้นๆ จะปรากฏชื่อไอคอนมาให้



ZTE MF100 รองรับการทำงานทั้ง HSDPA และ EDGE โดยเมื่อใส่ซิมการ์ดเข้าไป ตัวเครื่องจะตรวจสอบระบบให้โดยอัตโนมัติพร้อมปรับแต่งค่าให้ตามที่ได้ตั้งมาไว้แล้วจากโรงงาน ผู้ใช้งานเพียงทำการคลิกที่ Connect เท่านั้นระบบจะเชื่อมต่อให้ทันที พร้อมกันนี้จะมีการแสดงปริมาณข้อมูลในการรับ ส่ง และเวลาที่ใช้งานให้ทราบด้วย

ในการปรับแต่งค่าต่างๆ ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งค่าได้ตามความต้องการ โดยคลิกจากไอคอน Setting จะมีรายการต่างๆ มาให้ปรับ ไม่เพียงเท่านี้ตัวเครื่องยังสามารถที่จะดูรายชื่อและ SMS ได้ด้วย

โดยรวมแล้ว ZTE MF100 ก็สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้ทุกที่ทุกเวลาที่มีสัญญาณโทรศัพท์ โดยรองรับความเร็วสูงสุด 3.6 Mbps HSDPA พร้อมกันนี้ยังมีฟีเจอร์ Rx diversity มาให้ด้วย




รายละเอียดของ MF 100

USB 2.0 interface
น้ำหนัก 24 กรัม
มิติ 85.6 x 26 x 11.5 มม.
HSDPA/UMTS 900/2100 MHz (850/2100 Optional)
GSM/GPRS/ EDGE 850/900/1800/1900 MHz
3.6 Mbps HSDPA Services
รองรับ Micro SD card ถึง 32 GB
Support SMS Service
Support data Statistics
Rx diversity
Plug and Play
Network Preset
OS : Windows 2000 , XP, Vista , 7,Linux AND Mac




BuyCOMs Say เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุด HSDPA 3.6Mbps
คะแนน 84%
ติดต่อ
บริษัท เอ.เอส. เทรดดิ้ง กรุ๊ป จำกัด

โทรศัพท์ 0-2372-1500
เว็บไซต์ www.aircardthai.net

“วินนิ่ง อีเลฟเวน 2012”

สาวกเกมลูกหนังค่ายโคนามิไปชมภาพใหม่ๆของ “วินนิ่ง อีเลฟเวน 2012”หรือ โปร เอฟโวลูชัน ซอกเกอร์ 2012 (PES)ในฤดูกาลล่าสุดกันดีกว่า โคนามิบอกกำชับเพียงสั้นๆว่า ในเกมฟุตบอลตัวเก่งประจำปีนี้จะเน้นไปที่ระบบการเบียดกระแทกกันให้ถึงใจขึ้น โดยจะเพิ่มเติมในส่วนของระบบฟิสิกส์ให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้เองระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จึงมีความสมจริงตามไปด้วย นักเตะเพื่อนร่วมทีมของเราจะมีไหวพริบชาญฉลาดเพื่อมองหาพื้นที่ว่างในการวิ่งขึ้นไปทำเกม หรือหลอกดึงผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามไปทางอื่น

การเลี้ยงผลึกสารส้ม

การเลี้ยงผลึกสารส้มเริ่มจากการเตรียมสารละลายอิ่มตัวของสารส้มก่อน โดยการนำสารส้มมาละลายน้ำที่อุณหภูมิห้องไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสารส้มไม่สามารถละลายได้อีกแล้ว ต่อไปจึงนำสารละลายที่ได้ไปตั้งไฟให้ความร้อนแล้วเติมสารส้มลงไปอีกพอประมาณ คนจนกระทั่งสารส้มละลายหมด เนื่องจากการละลายของสารแต่ละชนิดจะมีขอบเขตจำกัดอยู่ที่อุณหภูมิแต่ละค่า เมื่ออุณหภูมิของระบบสูงขึ้นสารส้มจึงละลายได้มากขึ้น หลังจากนั้นก็ให้นำสารละลายสารส้มลงมาปล่อยให้เย็นตัวลง เมื่ออุณหภมิของระบบลดลงแล้ว สารส้มส่วนหนึ่งที่เกินจากค่าการละลายได้ที่อุณหภูมิห้องจะเริ่มตกผลึกออกมา ช่วงนี้อาจหาเชือกหย่อนลงไปในภาชนะบรรจุสารละลายเพื่อให้ผลึกสารส้มมาเกาะ ในช่วงของการตกผลึกนี้ถ้าอยากได้ผลึกที่มีขนาดใหญ่ก็ต้องควบคุมให้สารละลาย เย็นตัวอย่างช้าๆ อาจหาผ้าหนาๆ มาพันรอบภาชนะที่บรรจุไว้ เพราะถ้าสารละลายเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วก็จะได้ผลึกขนาดเล็กละเอียดจำนวนมาก เมื่อได้ผลึกมาแล้วให้คัดเลือกผลึกที่สมบูรณ์ที่สุด โดยผลึกสารส้มที่สมบูรณ์จะเป็นรูปพีระมิด 2 อัน เอาฐานชนกัน ให้นำผลึกที่เราเลือกไว้แล้ว ใส่ลงไปในสารละลายเข้มข้นที่เราเตรียมด้วยวิธีการเดิมอีกครั้ง ให้ระวังว่าก่อนหย่อนผลึกสารส้มที่เราเลือกมาลงไปต้องให้สารละลายอิ่มตัวมี อุณหภูมิลดลงก่อน มิฉะนั้น ผลึกที่เราหย่อนลงไปก็จะละลายไปด้วย ทำซ้ำหลายๆครั้งจะได้ผลึกที่สมบูรณ์และมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยครับ


1. ทุบสารส้มหั้ยละเอียดและนำมาใส่บีกเกอร์หรือแก้ว
2. ใส่น้ำในแก้วคนจนสารส้มอิ่มตัว
3. นำไปตั้งไฟจนสารส้มละลาย
4. เอาลงจากเตาและใส่เชือกหรือไหมพรมลงไปในบีกเกอร์หรือแก้ว
5. รอให้น้ำเย็นก็จะทำให้สารส้มมาเกาะที่เชือกเอง
*การทำใส่ไหมพรมเราอาจจะนำลวดมาดัดให้เป็นรูปต่างๆแล้วนำไหมพรมพันก็ได้
จะได้รูปที่เราต้องการ วิธีนี้จะทำให้ผลึกสวยขึ้น
*น้ำอาจจะใส่สีผสมอาหารลงไปก็ได้จะทำให้สีดูสวยขึ้น

วิธีทำสารส้มหน่อยค่ะ

แนะนำขั้นตอนให้ทดลองโดย 1. นำสารส้มที่เป็นก้อนมาต้มเพื่อใช้ความร้อนทำให้สารส้มละลาย 2. นำสีที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังหรือสีที่ผลิตจากธรรมชาติมาผสมกับสารที่ที่กำลังต้ม 3.ตกแต่งกลิ่นของสารส้มโดยผสมหัวน้ำหอมหรือกลิ่นน้ำหอมที่ผลิตจากผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติก่อน 4. นำแบบที่ทำด้วยพลาสติกที่ค่อนข้างหนาและทนความร้อนได้ดีในการทำแบบของสารส้มต่างๆ 5 .รอให้แห้งก่อนแล้วจึงเอาแบบออกจากสารส้ม 6.ลองทดลองใช้ด้วยตัวเองก่อนหรือทดสอบประมาณ 15-30

วิธีทําสารส้ม

"บ็อกไซต์"

ใช้ในอุตสาหกรรมขัดเงา ขัดมัน และอุตสาหกรรมเคมี ทำสารส้ม ถลุงเอาโลหะอะลูมิเนียม
http://www.deqp.go.th/news_pr/minaral/main_minaral.html

หรือ

สารส้ม
Ammonium alum และ Potassium alum คือ เกลือเชิงซ้อนของสารประกอบที่มี ธาตุ อะลูมิเนียม และ ซัลเฟต เป็นส่วนประกอบหลัก หรือ รู้จักกันในนามว่าสารส้ม (alum) หรือ ผลึกเกลือ มีสูตรทางเคมีทั่วไปคือ [M( l )M,( l l l ) (SO4)2 . 12H2O] ดังนั้นสารใดที่มีโครงสร้างของสูตรทางเคมี ที่กล่าวมา มันก็คือสารส้มที่เรารู้จักและคุ้นเคยนั้นเอง

ประวัติ
สารส้ม (alum) มีการผลิตในระยะแรก ๆ ที่ไหน เมื่อไร ไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่มีรายงานว่าใน แถบเอเซียตอนกลาง มีการผลิตและซื้อขายสารส้มกันมาช้านานแล้วไม่ต่ำกว่า 500 ปี สารส้ม (alum) พบว่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหลายแห่ง โดยเฉพาะบริเวณที่เคยเป็นภูเขาไฟ มาก่อน การนำมาใช้บางแห่งต้องสกัดออกมาจากดิน เช่นเดียวกับการทำเกลือสินเธาว์บางแห่งผลิตจากแร่ส้มหิน (alunite, alumstone หรือ alunrock)โดยนำมาเผาเมื่อละลายจึงนำไปตกตะกอน หรือแร่อี่น ๆ ที่มี อลูมิเนียม(aluminum)เป็นองค์ประกอบ ในประเทศไทยชาวบ้านเรียกว่า ดินส้ม พบอยู่หลายจังหวัดมีมากที่จังหวัดเลย แต่สารส้มที่พบตามธรรมชาติ มีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการ มนุษย์จึงต้องคิดค้นวิธีการผลิตขึ้นมาเอง โดยนำเอาแร่ธาตุจากธรรมชาติที่มีปริมาณอะลูมินาสูงเป็นวัตถุดิบได้สำเร็จ และผลิตเป็นการค้า มาจนถึงปัจจุบัน สารส้ม (alum) มีประโยชน์และมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันมาก แต่ไม่ค่อยมีใครได้นึกถึง เพราะไม่ค่อยได้เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น น้ำประปาที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ต้องอาศัยสารส้มทำให้ใส ใช้ในอุตสากรรม กระดาษ ฟอกหนัง ย้อมผ้า ฟอกสี ทำผงฟู และ ยา เป็นต้น

ประเภทของสารส้ม
สารส้ม (alum) มีรากศัพท์มาจากคำในภาษาลาตินว่า alumen แปลว่า สารทำให้หดตัว (astringent) แต่ในปัจจุบัน สารส้มหมายถึงเกลือเชิงซ้อน ( ผลึกเกลือ ) ของสารประกอบที่มี ธาตุอะลูมิเนียม และ ซัลเฟต เป็นส่วนประกอบหลัก แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1. เกลือซัลเฟตของอะลูมิเนียมหรืออะลูมิเนียมซัลเฟต [AL2(SO4)3. XH2O] ลักษณะ เป็น ก้อนผงสีขาว
2. เกลือเชิงซ้อนของโพแทสเซียมหรือโพแทสเซียมอะลั่ม [AL2(SO4)3 . K2SO4 . 24H2O] ลักษณะเป็นผลึกใสไม่มีสี
3. เกลือเชิงซ้อนของแอมโมเนียมหรือแอมโมเนียมอะลั่ม [AL2(SO4)3 . (NH4)2SO4 . 24H2O] ลักษณะเป็นผลึกใสไม่มีสี อย่างไรก็ตามสารส้ม (alum) ทั้ง 3 ประเภทดังกล่าว นำไปใช้ประโยชน์อย่างเดียวกัน การเติม ammonium และ potassium ลงไปก็เพื่อความประสงค์อื่น คือต้องการให้เป็นก้อนผลึกใสและบริสุทธิ์ ยิ่งขึ้นเนื่องจากอุสาหกรรมหลายชนิด เช่น การผลิตกระดาษคุณภาพสูง และผสมทำผงฟู เป็นต้น ต้องการสารส้ม ที่มีความบริสุทธ์ มากๆ

ประโยชน์
สารส้มนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางทั้งในอุตสาหกรรมและที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังของคน กล่าวคือ
1 การใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรม ส่วนมากจะใช้ในอุตสาหรรมการประปา รองลง มาได้แก่ อุตสาหกรรมกระดาษ ย้อมผ้า ฟอกหนัง ผสมเป็นยาดับเพลิง สารดับกลิ่น ฟอกสี และ ผสมทำผงฟูใช้ในการทำขนมปัง เป็นต้น
2 การใช้เกี่ยวข้องกับผิวหนัง ใช้ดับกลิ่นตัวได้ทุกส่วนของร่างกายตามที่ต้องการ โดยเฉพาะที่ใต้วงแขน ( รักแร้ ) และ เท้า สามารถระงับ กลิ่นได้ 100 % นานถึง 24 ช.ม และหน่วงการเกิดกลิ่นได้ไม่ต่ำกว่า 10 ช.ม ใช้ทาหลังโกนหนวดจะไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง ช่วยห้ามเลือดและสมานบาดแผลที่เกิดจากมีดโกนบาด หรือ บาดแผลเล็กน้อย ใช้ทาที่ส้นเท้าจะรักษาและป้องกันส้นเท้าแตก ทาแก้คันตามผิวหนังเมื่อถูกยุงกัดหรือคันจากสาเหตุอื่น

คุณสมบัติ
1 ไม่มีสีและกลิ่น ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่พิเศษของมัน เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบใช้น้ำหอม เพราะจะไม่มีกลิ่นไปรบกวนหรือหักล้างกลิ่นน้ำหอมที่ใส่อยู่ กล่าวคือ สารดับกลิ่นตัวส่วนมากจะผสมน้ำหอมลงไปด้วย ทำให้ไปรบกวนกลิ่นของน้ำหอมราคาแพงที่ใส่อยู่
2 ไม่เปื้อนเสื้อผ้า เพราะไม่มีส่วนผสมของ ครีม และน้ำมัน
3 ปลอดภัย กับร่างกาย กล่าวคือ ท ไม่อุดตันรูขน ไม่ซึมเข้าสู่ร่างกายเพราะตัวมันทำให้เกิดประจุลบจึงไม่สามารถที่ผ่านผนังเซลได้ ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ทำลายโอโซน
4 ไม่เสื่อมสภาพ มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อมไม่เสื่อมสภาพที่อุณหภูมิห้อง

จาก เครือข่ายความร่วมมือบริการสารสนเทศทางเภสัชศาสตร์ http://drug.pharmacy.psu.ac.th/



จาก http://www.1personalcare.com/alum.html

Teresa Fidalgo

Teresa Fidalgo เป็นผีที่โด่งดังในโปรตุเกส เสียชีวิตเมื่อปี 1983 ในคลิป Teresa Fidalgo ยืนอยู่ข้างถนนคนเดียว แล้วมีคนจอดรับขึ้นรถ และโดนหลอกหลอนจนประสบอุบัติเหตุ

และต่อมาก็กลายเป็นจดหมายลูกโซ่ มีเนื้อหาประมาณว่า สวัสดีฉันคือ Teresa Fidalgo. วันนี้ฉันตายครบ 26 ปี, ถ้าคุณไม่ส่งมันต่อไป 20 คน ฉันจะไปนอนข้างคุณ คืนนี้ละตลอดไป

เรื่องความสืบต่อแห่งธรรม

>>> เรื่องความสืบต่อแห่งธรรม <<<<

สมเด็จพระเจ้ามิลิท์ได้ถามปัญหาว่า
“ ข้าแต่พระนาคเสน ผู้ใดเกิดก็เป็นผู้นั้นหรือว่ากลายเป็นผู้อื่น? ”

พระเถระถวายพระพรตอบว่า
“ ไม่ใช่ผู้นั้น และไม่ใช่ผู้อื่น ”

“ โยมยังสงสัยขอนิมนต์อุปมาก่อน ”

“ ขอถวายพระพร มหาบพิตรเข้าพระทัยว่าอย่างไร…คือมหาบพิตรเข้าพระทัยว่า เมื่อมหาบพิตรยังเป็นเด็กอ่อน ยังนอนหงายอยู่ที่พระอู่นั้น บัดนี้ มหาบพิตรเป็นผู้ใหญ่แล้วก็คือเด็กอ่อนนั้น…อย่างนั้นหรือ? ”

“ ไม่ใช่ พระผู้เป็นเจ้า คือเด็กอ่อนนั้นเป็นผู้หนึ่งต่างหาก มาบัดนี้โยมซึ่งเป็นผู้ใหญ่แล้วก็เป็นอีกผู้หนึ่งต่างหาก”

“ มหาราชะ เมื่อเป็นอย่างนั้น มารดาก็จักนับว่าไม่มี บิดาก็จักนับว่าไม่มี อาจารย์ก็จักนับว่าไม่มี ผู้มีศีลก็จักนับว่าไม่มี ผู้มีศิลปะก็จักนับว่าไม่มี ผู้มีปัญญาก็จักนับว่าไม่มีทั้งนี้เพราะอะไร…เพราะว่ามารดาของผู้ยังเป็น กลละ อยู่ เป็นผู้หนึ่งต่างหาก มารดาของผู้เป็น อัพพุทะ คือผู้กลายจากกลละ อันได้แก่กลายจากน้ำใส ๆ เล็กๆ มาเป็นน้ำคล้ายกับน้ำล้างเนื้อ ก็ผู้หนึ่งต่างหากเมื่อผู้นั้นกลายเป็นก้อนเนื้อ มารดาก็ผู้หนึ่งต่างหาก เมื่อผู้นั้นกลายเป็นแท่งเนื้อ มารดาก็เป็นอีกผู้หนึ่ง เมื่อผู้นั้นยังเล็กอยู่ มารดาก็เป็นผู้หนึ่งอีกต่างหาก เมื่อผู้นั้นโตขึ้น มารดาก็เป็นอีกผู้หนึ่งต่างหาก อย่างนั้นหรือ…ผู้ศึกษาศิลปะ ก็เป็นผู้หนึ่งต่างหาก ผู้สำเร็จการศึกษาแล้วก็เป็นผู้หนึ่งต่างหาก ผู้ทำบาปกรรมก็เป็นผู้หนึ่งต่างหาก ผู้มีมือด้วนเท้าด้วน ก็เป็นผู้หนึ่งต่างหาก อย่างนั้นหรือ ? ”

“ ไม่ใช่อย่างนั้น ผู้เป็นเจ้า ในเมื่อโยมกล่าวอย่างนี้ ส่วนพระผู้เป็นเจ้าจะกล่าวว่าอย่างไร ? ”

“ ขอถวายพระพร เมื่อก่อนอาตมายังเป็นเด็กอ่อนอยู่ บัดนี้ ได้เจริญเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ อวัยวะทั้งปวงนั้น รวมเข้าเป็นอันเดียวกัน เพราะอาศัยกายอันนี้แหละ ”

“ ขอได้โปรดอุปมาด้วย ”

“ มหาราชะ เปรียบเสมือนว่า บุรุษคนหนึ่งจุดประทีปไว้ ประทีปนั้นจะสว่างอยู่ตลอดคือหรือไม่ ? ”

“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า ประทีปนั้นต้องสว่างอยู่ตลอดคืน”

“ มหาราชะ เปลวประทีปในยามต้น ก็คือเปลวประทีปในยามกลางอย่างนั้นหรือ? ”

“ ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า ”

“ เปลวประทีปในยามกลาง ก็คือเปลวประทีปในยามปลายอย่างนั้นหรือ ? ”

“ ไม่ใช่อย่างนั้น พระผู้เป็นเจ้า ”

“ มหาราชะ เปลวประทีปในยามต้น ก็เป็นอย่างหนึ่ง เปลวประทีปในยามกลาง ก็เป็นอย่างหนึ่ง เปลวประทีปในยามปลาย ก็เป็นอย่างหนึ่ง อย่างนั้นหรือ ? ”

“ ไม่ใช่อย่างนั้น ผู้เป็นเจ้า คือเปลวประทีปนั้นได้สว่างอยู่ตลอดคืน ก็เพราะอาศัยประทีปดวงเดียวกันนั้นแหละ ”

“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือ ธรรมสันตติ ความสืบต่อแห่งธรรม ย่อมสืบต่อกัน เมื่อสิ่งหนึ่งเกิด สิ่งหนึ่งดับ ย่อมติดต่อกันไม่ก่อนไม่หลัง เพราะฉะนั้น จะว่าผู้นั้นก็ไม่ใช่ จะว่าผู้อื่นก็ไม่ใช่ ย่อมถึงซึ่งการจัดเข้าในวิญญาณดวงหลัง ขอถวายพระพร”

“ ขอนิมนต์อุปมาให้ยิ่งขึ้นไปอีก ”

“ มหาราชะ ในเวลาที่คนทั้งหลายรีดนม นมสดก็กลายเป็นนมส้ม เปลี่ยมจากนมส้มก็กลายเป็นนมข้น เมื่อเปลี่ยนจากนมข้น ก็กลายเป็นเปรียง ผู้ใดกล่าวว่า นมสดนั้นแหละคือนมส้ม นมส้มนั้นแหละคือนมข้น นมข้นนั้นแหละคือเปรียง จะว่าผู้นั้นกล่าวถูกต้องดีหรืออย่างไร ? ”

“ ไม่ถูก พระผู้เป็นเจ้า คือเปรียงนั้นก็อาศัยนมสดเดิมนั้นแหละ”

“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร ธรรมสันตติ คือความสืบต่อแห่งธรรม ก็ย่อมสืบต่อกันไป อย่างหนึ่งเกิด อย่างหนึ่งดับ สืบต่อกันไปไม่ก่อนไม่หลัง เพราะฉะนั้น จะว่าผู้นั้นก็ไม่ใช่ จะว่า ผู้อื่นก็ไม่ใช่ ว่าได้แต่เพียงว่า ถึงซึ่งการสงเคราะห์เข้าในวิญญาณดวงหลังเท่านั้น ขอถวายพระพร ”

“ พระผู้เป็นเจ้าแก้ไขนี้สมควรแล้ว ”

มหาตัณหาสังขยสูตร

คนอ่าน พระไตรปิฎกมาไม่มาก มหาตัณหาสังขยสูตร
ใคร ๆก็รู้ว่า พระสาติ เข้าใจผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิว่า วิญญาณเที่ยง

แต่ เจ้าของกระทู้ อย่าง whatami net นำพระสูตรมาอ้างว่า พระพุทธเจ้าติเตียน พระสาติแล้วรีบโมเม มาอ้างให้หลงเชื่อ เรื่องวิญญาณไปเกิด
เนี่ยอ้างพระพุทธองค์ในทางที่ผิด ๆ
ประเด็นคือ

" ตายแล้ววิญญาณไปเกิดใหม่ เป็นความเชื่อของพราหมไม่ใช่พุทธ" <-------ดูเจตนา whatami net พูดอะไรคร่อม ๆไว้ให้คนเข้าใจผิด ใช้คำว่าวิญญาณ เพื่อให้ตรงกับ วิญญาณขันธ์ เพื่อโยงไปสู่พระสาติ
แต่ประชาชน วิญญูชนเขาย่อมรู้ว่า สิ่งนี้ที่ไปเกิดคือ ปฎิสนธิวิญญาณ+ตัณหา +อุปาทาน+กรรม
หาใช่ วิญญาณ(วิญญาณขันธ์ ในความหมายของพระสาติ ) แต่พยายามโยงให้มันตรงกัน เอาไว้หลอกคนโง่ ๆคนไม่มีความรู้ พอได้
วิญญาณ ในความหมายของ ID whatami net หมายถึงปุถุชน คนตายแล้ว สิ่งนี้ ปฎิสนธิวิญญาณ+ตัณหา +อุปาทาน+กรรม ไปเกิด
การลวงโดยใช้คำกำกวม ให้หลงนั้นเอง ถือว่า เจตนาไม่สุจริต

มาดู คำอธิบายที่ จริงแท้ แตกต่าง จากความรู้ของ ID whatami net ที่เป็นความเห็นหลอกลวง ดังนี้


ขอยืนยัน ความเห็นของหนูเล็กนิดเดียวมายัน ข้ออ้างของ whatami net
ยาวหน่อยนะ

มหาตัณหาสังขยสูตร
ว่าด้วยสาติภิกษุมีทิฏฐิลามก

[๔๔๐] ...ฯลฯ...สมัยนั้น ภิกษุชื่อสาติ ผู้เกวัฏฏบุตร (บุตรชาวประมง)
มีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า
เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า
วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไปไม่ใช่อื่น

[๔๔๒] ...ฯลฯ...พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า
ดูกรสาติ ได้ยินว่า เธอมีทิฏฐิอันลามกเห็นปานนี้เกิดขึ้นว่า
เราย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า
วิญญาณนี้นั่นแหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น ดังนี้ จริงหรือ?

สาติภิกษุทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์ย่อมรู้ทั่วถึงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า
วิญญาณนี้แหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น ดังนี้ จริง

พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรสาติ วิญญาณนั้นเป็นอย่างไร?

สาติภิกษุทูลว่า
สภาวะที่พูดได้ รับรู้ได้ ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลาย
ทั้งส่วนดี ทั้งส่วนชั่วในที่นั้นๆ นั่นเป็นวิญญาณ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรโมฆบุรุษ เธอรู้ธรรมอย่างนี้ที่เราแสดงแก่ใครเล่า

ดูกรโมฆบุรุษ วิญญาณอาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น
เรากล่าวแล้วโดยปริยายเป็นอเนกมิใช่หรือ
ความเกิดแห่งวิญญาณ เว้นจากปัจจัย มิได้มี

ดูกรโมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วยขุดตนเสียด้วย
จะประสพบาปมิใช่บุญมากด้วย เพราะทิฏฐิที่ตนถือชั่วแล้ว

ดูกรโมฆบุรุษก็ความเห็นนั้นของเธอ จักเป็นไปเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์
เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน.

ปัจจัยเป็นเหตุเกิดแห่งวิญญาณ

[๔๔๔] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย

วิญญาณอาศัยปัจจัยใดๆ เกิดขึ้นก็ถึงความนับด้วยปัจจัยนั้นๆ

วิญญาณอาศัย จักษุและรูปทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า จักษุวิญญาณ
วิญญาณอาศัย โสตและเสียงทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า โสตวิญญาณ
วิญญาณอาศัย ฆานะและกลิ่นทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ฆานวิญญาณ
วิญญาณอาศัย ชิวหาและรสทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ชิวหาวิญญาณ
วิญญาณอาศัย กายและโผฏฐัพพะทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า กายวิญญาณ
วิญญาณอาศัย มนะและธรรมารมณ์ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า มโนวิญญาณ


พระสาติ มีทิฐิลามก กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระสาติมีความเห็นผิดว่า
วิญญาณ(ขันธ์)นี้แหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น
วิญญาณ(ขันธ์)ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลายทั้งส่วนดี ทั้งส่วนชั่ว

● พระพุทธองค์จึงตรัสแก้ให้ฟังว่า
วิญญาณ(ขันธ์)อาศัยปัจจัยประชุมกันเกิดขึ้น
ความเกิดแห่งวิญญาณ(ขันธ์) เว้นจากปัจจัย ไม่ได้

วิญญาณ(ขันธ์)อาศัยปัจจัยใดๆ เกิดขึ้นก็ถึงความนับด้วยปัจจัยนั้นๆ

วิญญาณอาศัย จักษุและรูปทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า จักษุวิญญาณ
วิญญาณอาศัย โสตและเสียงทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า โสตวิญญาณ
วิญญาณอาศัย ฆานะและกลิ่นทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ฆานวิญญาณ
วิญญาณอาศัย ชิวหาและรสทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า ชิวหาวิญญาณ
วิญญาณอาศัย กายและโผฏฐัพพะทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า กายวิญญาณ
วิญญาณอาศัย มนะและธรรมารมณ์ทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ถึงความนับว่า มโนวิญญาณ


● ซึ่งตรงกับ ฉฉักกสูตร ที่กล่าวไว้ถึง หมวดวิญญาณ ๖

[๘๑๔] ก็ข้อที่เรากล่าวดังนี้ว่า
พึงทราบหมวดวิญญาณ ๖ นั่น เราอาศัยอะไรกล่าวแล้ว คือ

บุคคลอาศัยจักษุและรูป จึงเกิด จักษุวิญญาณ
อาศัยโสตะและเสียง จึงเกิด โสตวิญญาณ
อาศัยฆานะและกลิ่น จึงเกิด ฆานวิญญาณ
อาศัยชิวหาและรส จึงเกิดชิวหาวิญญาณ
อาศัยกายและโผฏฐัพพะ จึงเกิดกายวิญญาณ
อาศัยมโนและธรรมารมณ์ จึงเกิดมโนวิญญาณ


● และตรงกับ มหาปุณณมสูตร ที่กล่าวว่า
นามรูป เป็นเหตุ เป็นปัจจัย แห่งการบัญญัติ วิญญาณขันธ์ ฯ

◆ ◆ ◆ ◆ ◆ ◆ ◆ ◆ ◆ ◆ ◆ ◆

● สรุป

พระสาติ มีทิฐิลามก กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระสาติมีความเห็นผิดว่า
วิญญาณ(ขันธ์)นี้แหละ ย่อมท่องเที่ยว แล่นไป ไม่ใช่อื่น
วิญญาณ(ขันธ์)ย่อมเสวยวิบากของกรรมทั้งหลายทั้งส่วนดี ทั้งส่วนชั่ว

เพราะ พระสาติ เข้าใจผิดว่า จิต คือ วิญญาณขันธ์ นั่นเอง
เพราะฉะนั้น ผู้ที่มีความเห็นว่า จิต คือ วิญญาณขันธ์
ก็น่าจะเข้าข่ายมีทิฐิลามก กล่าวตู่พระผู้มีพระภาคเจ้าแบบพระสาติ

เพราะ จิตคือตัวเสวยวิบากกรรมทั้งดีทั้งชั่ว
ไม่ใช่วิญญาณขันธ์เสวยวิบากกรรมทั้งดีทั้งชั่ว


● โดยอธิบาย

★ วิญญาณขันธ์ เป็นขันธ์ ๑ ในขันธ์ ๕

วิญญาณขันธ์เป็นอาการของจิตที่เนื่องด้วยอารมณ์
คือการรับรู้อารมณ์ของจิตทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

วิญญาณขันธ์ จึงไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ตามเหตุปัจจัย

และนามรูป เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดวิญญาณขันธ์ นั่นคือ
ตา+รูป เกิดวิญญาณทางตา
หู+เสียง เกิดวิญญาณทางหู
จมูก+กลิ่น เกิดวิญญาณทางจมูก
ลิ้น+รส เกิดวิญญาณทางลิ้น
กาย+กายสัมผัส เกิดวิญญาณทางกาย
ใจ+ธัมมารมณ์ เกิดวิญญาณทางใจ


★ วิญญาณขันธ์ จึงไม่ใช่ตัวรองรับวิบากของกรรม

จิตคือตัวบันทึกกรรม ตัวเสวยวิบากของกรรมทั้งหลายทั้งส่วนดี ทั้งส่วนชั่ว
จิตจุติ(เคลื่อน)ออกจากร่างกายที่ตายไป ไปเกิดตามอำนาจกรรมดีกรรมชั่ว
โดยจิตเกาะกุมอารมณ์สุดท้าย(มโนวิญญาณ)ในเวลาใกล้จะตาย
เป็นปฏิสนธิวิญญาณพาไปเกิดในภพภูมิใหม่ตามแรงกรรม


★ จิต ไม่ใช่ วิญญาณ(ขันธ์)

จิตคือวิญญาณธาตุ(ธาตุรู้) ไม่ใช่วิญญาณขันธ์
จิตมีดวงเดียว (เอกจรํ=ดวงเดียวเที่ยวไป) ไม่เป็นกอง แต่ขันธ์เป็นกอง

วิญญาณขันธ์ มี ๖ แบ่งตามวิถีทางที่อารมณ์เข้ามา
คือ วิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
วิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย จัดเป็นสสังขาริก...อาศัยทวารทั้ง ๕ ตา หู จมูก ลิ้น กาย
วิญญาณทางใจ จัดเป็นอสังขาริก...ไม่อาศัยทวารทั้ง ๕


★ จิตคือธาตุรู้ ทรงความรู้ทุกกาลสมัย

ธาตุรู้ยังไงก็เป็นธาตุรู้วันยังค่ำ ไม่อาจแปรเปลี่ยนเป็นธาตุดิน น้ำ ลม หรือ ไฟ

แต่สิ่งที่ถูกจิตรู้ต่างหากที่แปรเปลี่ยนตลอดเวลา คือ อารมณ์
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปจากจิตตลอดวันตลอดคืน

เครดิต http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=nulek&month=05-01-2010&group=18&gblog=13

www.whatami.net สอนผิดตรงไหน?

เรื่อง เว็บ "ฉันคืออะไร?" www.whatami.net สอนผิดตรงไหน? ขอตอบคำถามของคุณ Miscellanous ที่โจมตีเว็บนี้สักนิด

โปรดพิจารณา ว่า ตรงกับหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าบ้างหรือไม่ เขาตั้งขึ้นมาเองทั้งหมด
จากเว็บ www whatami net
บทสรุปจาก www whatami net

1.จิตกับกายแยกกันไม่ได้ (ตอบ ถูก หรือคุณแยกได้)

-เวลาคนตายแล้วสูญฝ (ตอบ ไม่ได้สอนว่าตายแล้วสูญ แต่สอนว่า มันสูญมาตั้งแต่ยังไม่ตาย ซึ่งคำว่าสูญ หมายถึง ว่างจากอัตตา หรือจากตัวตนชนิดที่เป็นอมตะ)

-จิตดับสูญไปด้วย (ตอบ จิตเกิดมาจารการประกอบขึ้นของ วิญญาณ เวทนา สัญญา และสังขาร เมื่อมีเหตุมันก็เกิด เมือไม่มีเหตุมันก็ดับ)

-ตายแล้ววิญญาณไปเกิดใหม่ เป็นความเชื่อของพราหมไม่ใช่พุทธ

(ตอบ ถูกต้องที่สุด ถ้าใครเชื่อว่าเรื่องตายแล้ววิญญาณไปเกิดใหม่ก็ต้องอ่านจากเรื่อง พระสาติ ที่เชื่อเช่นนี้ แล้วพระพุทธเจ้าทรงห้ามเพราะเป็นความเชื่อที่ผิด ลองอ่านเรื่องนี้

"ในสมัยพุทธกาลแม้ภิกษุบางรูป ก็ยังชื่อว่าตายแล้วยังจะมีวิญญาณไปเกิดใหม่ได้อีกตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ อย่างเช่น ภิกษุชื่อสาติที่เที่ยวพูดว่า “พระพุทธเจ้าสอนว่าวิญญาณนี้เองที่เวียนว่ายเพื่อรับผลกรรม” แม้เพื่อนภิกษุจะทักท้วงห้ามปรามก็ยังไม่เปลี่ยนความเชื่อ เมื่อความทราบถึงพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ได้ประชุมสงฆ์แล้วตรัสเรียกสาติภิกษุมา แล้วทรงถามว่าได้พูดเช่นนั้นจริงหรือไม่? สาติภิกษุก็ตอบว่าได้พูดจริง พระพุทธองค์จึงทรงตรัสถามอีกว่า ได้ยินพระองค์ทรงตรัสสอนเช่นนี้แก่ใคร? สาติภิกษุก็ตอบไม่ได้ ได้แต่นั่งนิ่งก้มหน้าอยู่

เมื่อเป็นดังนี้พระพุทธองค์จึงทรงตรัสติเตียนสาติภิกษุว่าเป็น “โมฆะบุรุษ” คือเป็นคนเปล่าๆธรรมดาๆที่ไม่ได้มีคุณธรรมพิเศษ หรือไม่รู้เรื่องอันเป็นอริยะ (ระดับสูง) เลย เพราะไปถือเอาถ้อยคำผิดๆไว้ และพระพุทธองค์ยังได้ทรงตรัสถามเหล่าพระสงฆ์ในที่นั้นว่า “สาติภิกษุนี้สมควรที่จะเป็นภิกษุ หรือเป็นสงฆ์ในธรรมวินัยนี้ได้หรือไม่?” ซึ่งพระสงฆ์ก็ตอบว่า “ไม่ควร” ต่อจากนั้นพระพุทธองค์ก็ได้ทรงตรัสแสดงถึงเรื่องการเกิดขึ้นของวิญญาณ ๖ เช่น เมื่อรูปมากระทบกับตา จึงเกิดวิญญาณทางตาขึ้น, เมื่อเสียงมากระทบกับหู จึงเกิดวิญญาณทางหูขึ้น เป็นต้น

สรุปได้ว่าจุดนี้เป็นจุดสำคัญเพราะ ถ้าใครยังเชื่อว่าจะมีจิตหรือวิญญาณไปเกิดใหม่ได้อีก ก็ไม่จัดว่าเป็นสงฆ์ที่แท้จริงในธรรมวินัยของพระพุทธองค์ หรือไม่จัดว่าเป็นสาวกที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า เพราะมีความเห็นไม่ตรงกับที่พระพุทธเจ้าทรงสอน จึงสมควรที่ผู้นับถือพระพุทธเจ้าทุกคนจะทำความเข้าใจในเรื่องนี้กันให้ถูกต้อง เพื่อที่จะได้นำพุทธศาสนาที่แท้จริงกลับมาให้เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติกันต่อไป" จาก http://www.whatami.ob.tc/sci/sci12.html )

2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีเทวดา เป็นเรื่องงมงาย ไม่ให้เชื่อ

(ตอบ ถูกต้องที่สุด ถ้ามีจริงป่านนี้ประเทศไทยคงเป็นประเทศมหาอำนาจไปแล้ว จริงหรือไม่? หัดใช้ความคิดให้มากกว่านี้ เดี๋ยวแก่ไปสมองจะฝ่อ)

3. ไม่ให้เชื่อ เรื่อง นรก สวรรค์ที่เป็นสถานที่ เพราะว่าไม่ใช่พุทธและเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา..แต่ให้เชื่อว่า สวรรคในอก นรกในใจ แทน

(ตอบ ถูกต้องที่สุด มีแต่คนที่มีปัญญาน้อยเท่านั้นที่เขาเชื่อกัน เคยอ่านเรื่องที่พระพุทธเจ้าสอนเรื่องนรก-สวรรค์ที่อายตนะหรือไม่ เดี๋ยวจะหามาให้อ่าน ส่วนเรื่องสวรรค์ในอก นรกในใจ นี้ซิ เป็นวิทยาศาสตร์ ที่ใครๆก็ต้องยอมรับ แม้จะต่างศาสนาก็ตาม )

4. ตามหลักพุทธศาสนาแล้วไม่สอนว่าตายแล้วไปไหน เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้

(ตอบ ถูกต้องที่สุด พระพุทธเจ้าคงไม่นำเอาเรื่องเล่าอะไรก็ไม่รู้ ที่ไม่มีเหตุผล ไม่มีหลักฐานมารองรับ และคนฟังพิสูจน์ไม่ได้ หรือสัมผัสไม่ได้มาสอนเป็นแน่ เพราะถ้าใครนำเอามาสอน แล้วมีคนโต้แย้งว่า คุณมีหลักฐานมายืนยันหรือไม่? เท่านี้คนที่เอามาสอนก็เหงื่อแตกแล้ว ใช่หรือไม่?)

ต่อท้าย #1 2 ม.ค. 2554, 20:11:38
5. พระอภิธรรมปิฎก คือ หลักปรัชญาที่สาวกรุ่นหลังๆแต่งขึ้นเอาไว้

(ตอบ ถูกต้องที่สุด หรือคุณไม่เคยศึกษาเรื่องพระไตรปิฎกมาก่อนบ้างเลย? ไปลองศึกษาเรื่องนี้ดูหน่อยก็ดี หรือคุณเชื่อว่าพระไตรปิฎกทั้งหมดคือคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า? แล้วคุณรู้ได้อย่างงไร?)

6. พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้สอนเรื่องหลังจากตาย

(ตอบ ถูกต้องที่สุด คนมีปัญญาเขาก็ไม่นำเรื่องที่ไม่มีเหตุผลและไม่มีหลักฐานยืนยันมาสอนเป็นแน่ อายคนมีปัญญาเขาบ้าง พระพุทธเจ้าคงไม่ไร้สมองอย่างนี้เป็นแน่)

7. ทุกคนเคยสัมผัสนิพพานและนิพพานสูญ

(ตอบ ถูกต้องถ้านิพพานนี้หมายถึง ความสงบเย็นของจิตใจขณะที่ไม่มีกิเลสครอบงำ แล้วอย่างนี้นิพพานจะสูญได้อย่างไร?? ในเมื่อมันคือความสงบเย็นของจิตใจ หรือคุณเข้าใจว่านิพพานคือตายแล้วยังมีตัวตนไปเกิดใหม่ได้อีก??)

8. ไม่ต้องไปสนใจเรื่อง การทำดีและชั่วที่จะได้รับผลดีและชั่วในอนาคตจริงหรือไม่ เพราะเป็นเรือ่งแต่งขึ้นมาแล้วไม่มีหลักฐาน

(ตอบ ถูกต้องเพราะเป็นเรื่องอจินไตย หรือคุณไม่ยอมรับหลักอจินไตย? ถ้าไม่ยอมรับก็แย่ซิ เพราะเมื่อไม่ยอมรับหลักอจินไตยเสียแล้ว ทีนี้จะเอาเรื่องอะไรมาศึกษาก็ได้ แม้เป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์แก่การดับทุกข์เลยก็ตาม รวมทั้งเป็นเรื่องนอกพุทธศาสนาก็ตาม หรือเป็นเรื่องที่ทำลายหัวใจพุทธศาสนาก็ตาม จริงหรือไม่?)

9. เรื่องกฏแห่งกรรม ไม่ใช่เรื่องสำคัญไม่ควรไปสนใจ ไม่ให้เชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมเก่าส่งผลมาชาตินี้

(ตอบ ถูกต้อง พระพุทธเจ้าตรัสรู้อริยสัจ ๔ ซึ่งเป็นหลักในการดับทุกข์ของจิตใจมนุษย์ในปัจจุบัน แต่ทำไมเรามาสนใจเรื่องกรรมกัน ไม่เข้าใจจริงๆ คงเป็นเพราะถูกพราหมณ์ครอบงำมานาน จนกลายเป็นพราหมณ์ไปกันหมดแล้วโดยไม่รู้ตัว)

10. ไม่ให้เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์, ชาติก่อน, ชาติหน้า เพราะว่าเป็นเรื่อง มันเป็นเรื่องของการเล่าต่อๆกันมา

(ตอบ ถูกต้องที่สุด นี่แสดงว่าคุณคงไม่ยอมรับหลักกาลามสูตร ก็คุณพยายามลดความน่าเชื่อถือของหลักกาลามสูตรลงเพียงแค่ว่าเป็นหลักที่ใช้สอนเฉพาะบางคน ซึ่งหลักกาลามสูตรเป็นหลักในการสร้างปัญญา เพื่อไม่ให้เชื่ออะไรงมงาย ถ้าเราเอาหลักกาลามสูตรออกจากพุทธศาสนาเสียแล้ว ที่นี้ก็จะเหลืออะไร? จะเหลือก็แต่ความงมงายเต็มไปหมด ใช่หรือไม่? นี่คงเป็นอุบายในการทำลายหลักการของพุทธศาสนาของคุณใช่หรือไม่? ที่ทำลายหัวใจในการสร้างปัญญาของผู้ที่จะศึกษาพุทธศาสนา เพระากลัวเขาจะไม่โง่มาให้คุณมาครอบงำเขาได้... ใช่หรือไม่?)

****************************************************************************
ขอเชิญปัญญาชนคนรุ่นใหม่ทั้งหลาย ศึกษาพุทธศาสนาดั้งเดิมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้

อันเป็นหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ที่ยังไม่ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนมาก่อน

ซึ่งเป็นหลักวิทยาศาสตร์ ที่มีเหตุผล พิสูจน์ได้ ไม่มีความงมงาย และไม่มีใครจะโต้แย้งด้วยเหตุผลได้

ที่ทุกคนสามารถจะ "เข้าใจ" และ "เห็นแจ้ง" ได้ หรือ ศึกษาแล้วเกิด "ดวงตาเห็นธรรม"

ที่เว็บ "ฉันคืออะไร?" www.whatami.net - เว็บไซต์สำหรับบุคคลอัจฉริยะ
ต่อท้าย #2 2 ม.ค. 2554, 21:33:47
(แล้วจะเอาอะไรมาเป็นเครื่องชี้วัดว่า อะไรคือคำสอนที่ถูกต้องครบถ้วน คำตอบก็คือ ธรรมชาตินั่นแหละ เป็นพยาน )
-----------------------------
สิ่งที่จะเป็นเครื่องชี้วัดว่า อะไรคือคำสอนที่ถูกต้องครบถ้วน คำตอบก็คือ ความทุกข์ ถ้าเราศึกษามาถูกและปฏิบัติถูก ชีวิตของเราเราจะมีทุกข์น้อยลงหรือไม่มีทุกข์เลย แต่ถ้าเราศึกษามาผิด และปฏิบัติผิด ชีวิตของเราก็ยังคงมีทุกข์มากอยู่ต่อไป ใช่หรือไม่?
ต่อท้าย #3 2 ม.ค. 2554, 21:37:08
(ในวงจรปากิจจสมุปบาท แสดงว่า เพราะอวิชชาหรือทุกข์ เป็นเหตุเป็นปัจจัยจึงเกิดสังขาร วิญญาณ ฯ และแสดงเหตุของความดับว่า เพราะอวิชชาดับ ชาติชรา มรณะจึงดับ เพราะฉะนั้น ที่กลับมาเกิด ก็คือ อวิชชาหรือทุกข์เท่านั้น ... แปลว่า อวิชชาที่มีอยู่ในจิตใจ ไม่ได้ดับไปพร้อมกับการตายของคน ไม่ได้ดับไปพร้อมกับการดับของจิต)
----------------------
นี่คุณเข้าใจว่าวงปฏิจจสมุปบาทคือวงการเวียว่ายตาย-เกิดชนิดข้ามภพข้ามชาติอย่างนั้นหรือ? เอามาจากไหน ? พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสอย่างนั้นเลย มีแต่ตรัสแบบรวดเดียวตลอดทั้งสาย ซึ่งมันก็หมายถึงกระแสการปรุงแต่งของจิตอย่างรวดเร็วในการเกิดขึ้นของความทุกข์ของจิตเราในปัจจุบัน
ต่อท้าย #4 2 ม.ค. 2554, 21:54:02
(ถามว่า สมาชิกใช้ ID whatami net กับ พระเตชปญฺโญภิกขุ คือบุคคลเดียวกันใช่หรือไม่ ???....

มีสมาชิกเว็บกูรูสงสัยกันมากว่า ไม่น่าเชื่อว่า จะมีทิฏฐิ อย่างสูงสุด กล้าคัดค้าน พระพุทธพจน์ ในพระไตรปิฎก บิดเบือน สร้างใหม่คำสอนให้เกลียดชัง พระไตรปิฎก
whatami net ขอเชิญชม พระพุทธพจน์ นับร้อยที่ เกี่ยวกับ นรก สวรรค์ ชั้นเทพ ชั้นพรหม ---->อย่าแกล้งโง่นะว่า อันนี้ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า)
----------------------------------------
คุณลองตอบมาให้ชัดเจนได้หรือไม่ว่า "สิ่งที่คุณอ้างอิ่งมานี้เป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า? " และถ้าคุณตอบว่า ใช่ ก็อยากจะถามต่อว่า แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่านี่คือคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า? เมื่อคุณตอบมาให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว (ชนิดที่คนที่มีใจเป็นกลางจะยอมรับได้) จึงจะตอบคำถามของคุณให้
ต่อท้าย #5 2 ม.ค. 2554, 22:54:10
(ช่วยตอบแทนครับ เพราะนี่คือคำสอนจากพระไตรปิฏกซึ่งเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุดในเวลานี้ว่า ได้บันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้าเอาได้อย่างถูกต้อง)
-----------------------
แต่คุณลองคิดดูว่า ถ้าบังเอิญพระไตรปิฎกที่เรายึดถือกันอยู่นี้ ได้ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนก่อนที่จะมาถึงเรา แล้วเรายึดถือเอามาปฏิบัติ เราก็จะมิกลายเป็นต้องปฏิบัติผิดเพี้ยนตามไปด้วยหรือ? พระพุทธเจ้าคงไม่สอนให้เชื่อตำราเป็นแน่ จริงหรอืไม่?
ต่อท้าย #6 2 ม.ค. 2554, 23:00:09
(สำคัญที่ว่า เมื่อ่านแล้วได้ลงมือปฏิบัติอย่างเต็มที่แล้ว มีผลจากการปฏิบัติแล้ว สามารถบอกได้ว่า สิ่งที่บันทึกไว้นัั้นเป็นอย่างไรต่างหาก)
--------------------
ถ้าสมติว่าบังเอิญเรารับเอาคำสอนที่ผิดเพี้ยนมาปฏิบัติ แล้วมันก็ไม่บังเกิดผลจริงสักที อย่างนี้เราจะเชื่อคำสอนนั้นได้หรือไม่ว่าเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า?

คำสอนที่ผิดเพี้ยน (ในพระไตรปิฎก) เขาฉลาดดที่จะบอกว่า สาเหตุที่เรายังปฏิบัติไม่ได้ตามที่มีมาในพระไตรปิฎกนั้นเป็นเพราะ เรายังมีบุญบารมีไม่พอ ต้องสั่งสมบุญบารมีไปอีกหลายหมื่น หลายแสนชาติ จึงจะปฏิบัติได้ผลสำเร็จ เมื่อเจออย่างนี้ก็เลยทำให้เราโง่เชื่อเขาไปในที่สุด (เขาทำสำเร็จ เพราะเรายังโง่กันอยู่เหมือนเดิม)
ต่อท้าย #7 4 ม.ค. 2554, 8:30:31
(จิตคือวิญญาณธาตุ(ธาตุรู้) ไม่ใช่วิญญาณขันธ์)
-------------------
มาอีกแล้วพวกที่ชอบพูดว่า วิญญาณ กับ วิญญาณขันธ์ ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน นี่คุณศึกษาธรรมะจากอะไร? จากตำรา หรือจากคำพูดของคนอื่น? หรือดูจากร่างกายและจิตใจของตัวเอง?

คำว่าวิญญาณขันธ์ เป็นเพียงการจัดกลุ่มของวิญญาณว่าเป็นกลุ่มใดเท่านั้น จากกลุ่มทั้ง ๕ ของชีวิตมนุษย์ คือรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์

ถ้าวิญญาณ ไม่ใช่ วิญญาณขันธ์ อย่างนี้สิ่งที่เหลือของขันธ์ทั้ง ๕ ก็ไม่ใช่สิ่งเดียวกันอีก ใช่หรือไม่? (เช่น รูป ก็ไม่ใช่รูปขันธ์ เวทนาก็ไม่ใช้เวทนาขันธ์ เป็นต้น)

ก็อยากจะถามหน่อยว่า การศึกษาสิ่งใดที่จะให้เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งโดยไม่ผิดพลาดนั้น เราจะศึกษาอย่างไร? ระหว่าง การอ่านจากตำรา (รวมทั้งฟังจากคนอื่นมา) หรือ จากการดูจากสิ่งที่เรามีอยู่จริงๆ?

ธรรมะนั้นอยู่ที่ร่างกายและจิตใจของเราเองในปัจจุบัน "พระพุทเจ้าสอนให้เราศึกษาอริยสัจ ๔ จากชีวิตของเราเอง ที่ยังไม่ตาย ที่ยังมีสติสัมปฤดีอยู่นี้"

วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

***หนุ่มหนุ่มเกาหลี มีดีอะไร***

***หนุ่มหนุ่มเกาหลี มีดีอะไร***
หนุ่มเกาหลี (한국남자 이야기)
หลังจากเม้าท์เรื่องของสาวๆกิมจิไปกันพอหอมปากหอมคอ ทีนี้ก็มาเรื่องที่เราได้สัญญิงสัญญากันไว้ แหมๆๆ แอบรอกันอยู่ล่ะซี้ เพราะตอนนี้ สาวๆบ้านเราคลั่งไคล้หนุ่มตี๋เกาหลีกันนักหนา ก็แหม สเปกตี๋ ขาว หล่อกันถูกใจ๊ถูกใจ แต่ขอโทษเถอะ มาที่นี่ ไม่ยักกะเห็นหนุ่มแบบ วอนบิน เรน เซเว่นให้น้ำลายยืดเลย เจอแต่ตี๋หน้าจืด ใส่แว่น ขี้เหล้า เมาบุหรี่ เซ็งจิตมากมาย มีเพื่อนหลายคนของเราที่ฝากให้เราเอาผู้ชายที่นี่กลับไปฝาก อยากบอกว่า ไม่เห็นจะเจอแบบกระชากใจได้เลย อ้อ มีเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ ก็หนีบสาวมาด้วย หดหู่มากมาย -_-'''

ประชากรเกาหลีมีผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ก็คงได้แนวคิดมาจากเมืองจีน ลัทธิขงจื๊อเหมือนกัน ทำให้ที่นี่ เดินไปไหน ก้เจอแต่ผู้ชาย แต่ไม่ต้องฝันหวานหรอก (แอบปลอบใจตัวเอง) ก่อนมาก็คิดถึงหนุ่มตี๋ (สเปกเรา) ขาว สูง หล่อ ใจดี รักเด็ก ถ้าได้แบบโช อึน ซอง จะดีใจโคด แต่เราก็รับรู้ได้ในภายหลังว่า ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา ㅠ ㅠ
ผู้ชายที่นี่ มากกว่า 80% สูบบุหรี่ และมากกว่า 95% ชอบกินเหล้า เหล้าที่ว่าก็คือเหล้าเกาหลี ที่เรียกว่าโซจู (เป็นเหล้าใส ไร้สี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส แต่ฝาด และแรงมาก::เปรียบได้กับหญิงไทย ที่ดูใส บริสุทธิ์ แต่แอบร้าย ฮะฮะ) โซจูมีปริมาณแอลกอฮอล์ ประมาณ 21-22 ดีกรี เทียบกับเบียร์ที่ประมาณ 4-5 ดีกรีแล้ว เมาเร็วมาก เวลาเสริฟ์ จะใส่มาเป็นแก้วใบเล็ก (แบบแก้วใส่น้ำชาไหว้เจ้านั่นแหละ) กินที พี่แกก็ชอบบอกว่า "one shot" ใครหลงเชื่อกระดกเอาละก็ เสร็จทุกราย ผู้ชายที่นี่ชอบไปกินเหล้ากันมาก หนักกว่าหนุ่มไทยของเราซะอีก เพราะเค้าไปกันไม่เลือกวันและเวลา เช้าๆเดินไปเรียน จะแอบเห็นหลักฐานเป็นกองอ้วกอยู่ข้างทางเป็นหย่อมๆ แหวะ อุบาทว์กว่านั้นคือช่วงหน้าหนาวที่อากาศต่ำกว่า 0 กองอ้วกจะแปรสภาพเป็นเยลลี่อ้วก แข็งติดอยู่บนพื้นถนน จรรโลงบรรยากาศยามเช้าจริงๆ (แหวะ แหวะ >~<)
หนุ่มๆที่นี่ ไม่ค่อยไปผับแิอนด์เรสเตอรองท์เหมือนกับบ้านเรา แต่จะไปร้านเหล้าแทน เป็นร้านนั่งกินเหล้าอย่างเดียว แล้วก็สั่งกับแกล้มเป็นพวกผลไม้ (ที่นี่เค้ากินผลไม้กะเหล้าน่ะ) ปลาหมีกผัดเผ็ดก็มี เอาไว้จะลงรายละเอียดตอนเขียนเรื่องอาหารเกาหลีละกัน กินๆๆๆ คุยๆๆๆ เมาแล้วก็กลับ ไม่ค่อยไปเหล่สาวด้วยนะ แปลกเนอะ

ไม่ชอบนิสัยผู่ชายที่นี่อย่างนึงคือ เค้าชอบขากเสลดกันบนพื้นถนน ไม่ใช่แค่เสลดนะ แต่เสียงขากกกกกก เนี่ย ดังไปสองบล๊อกถนน แล้วก้ไม่ใช่เฉพาะลุงแก่ๆด้วย แต่หนุ่มๆละอ่อนก็มีเยอะ มีครั้งนึง เดินสวนกับคนหน้าตาดี จิตใจแอบหวั่นไหว แต่สงสัยมันจะเหม็นขี้หน้าเรา เดินสวนกันปุ๊ป พี่เล่น " ขากกกกกกก " แล้วก็ถุยต่อหน้าเรา อึ้งไปเลย แอบถามเพื่อนว่าชั้นทำผิดไร(วะ) ฮือๆ มันเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว เวลาเดินตามถนน บ้านเราต้องหลบขี้หมา ที่นี่ต้องหลบกองน้ำลาย คงเพราะเค้าสูบบุหรี่กันมาก เสียบุึคลิกหมดเลยเนอะ

ถึงหนุ่มที่นี่จะมีเรื่องให้ชวนอ้วกเยอะ แต่ก็มีเรื่องน่ารักให้เม้าท์ได้เหมือนกัน ถ้าเทียบกับหนุ่มไทย หนุ่มที่นี่จะมีความโรแมนติคมากกว่า ทำอะไรน่ารักๆได้มากกว่า เดินตามถนน จะเห็นแฟนกันเดินอิงแอบ ออเซาะ กันเยอะมากๆ เค้าจะแสดงความรักกันเปิดเผย แต่มากเกินไปในบางทีอย่างจูบกันบนรถไฟใต้ดิน หนุ่มที่นี่ จะไม่(ค่อย)อายเวลาใส่เสื้อ กางเกง หมวก เหมือนกับแฟน ที่นี่จะฮิตอะไรที่เป็น "Couple" ไม่ว่าจะเป็น couple ring, couple T หรือแม้แต่ couple กางเกงใน เห็นแล้วหลอนมาก ของผู้หญิงสียังไง ลายยังไง ของผู้ชายก็แบบนั้น อาจจะเปลี่ยนสีตรงข้ามกันอย่างฟ้ากะชมพู เห็นแล้ว หยึยๆอะ ยิ่งตอนขากลับไปเมืองไทย ที่สนามบินอินชอนเกาหลีนะ เห็นแล้วขนลุก ไม่บอกก็รู้ว่าพี่จะไปอันนีมูน กระเป๋าเดินทาง เสื้อเชิ้ต เสื้อโค้ต รองเท้า ริบบิ้นผูกกระเป๋า หมวก เหมือนกันหมด โอยๆๆ หวานกันจริง หนุ่มไทยเรา หาแบบนี้ยากมาก ขอบอก อ้อ อีกเรื่องคือ หนุ่มกิมจิไม่หึ่นเหมือนหนุ่มไทย อย่างที่เคยบอกว่าสาวที่นี่แต่งตัวเอ๊กซ์มากๆ แต่สังเกตได้ว่าไม่ค่อยมีคดีเรื่องข่มขืนเท่าไร น้อยมากๆเลย สาวๆก็ใส่มินิขึ้นรถไฟใต้ดิน ยืนโหนกันก็ไม่มีใครมอง ลุงแก่ๆที่นี่ก็ไม่มายืนน้ำลายหกเหมือนลุงไทย แล้วก้ไม่มีเรื่องแอบถ่ายใต้กระโปรงด้วย รู้สึกว่าอยู่ที่นี่จะปลอดภัย แต่งตัวยังไงก็ไม่มีเรื่อง แต่เราก็เซฟตัวเองอยู่ดี (คือเรื่องของเรื่อง อ้วนจนแต่งเอ็กซ์ไม่ไหวต่างหาก)

อีกเรื่องที่คนเกาหลีเค้ายืนยันกันนักหนาว่า ที่บ้านเค้าไม่มีสาวประเภทสองแบบบ้านเรา ไม่มีเกย์ ไม่มีเลส ที่นี่สังคมเค้ายังปิดกันมาก เปิดเผยไม่ได้แบบบ้านเรา คนเป็นเกย์ เป็นกระเทยเลยไปเมืองไทยหมด อยู่ที่นี่ ชีวิตจะน่าสงสาร เราเคยไปเจอตอนไปเที่ยวที่ภูเขาหน้าหนาว เห็นกระเทยสองคน เปิดเพลงเต้นขายเผือก ขายมันอยู่ริมถนน คนเดินผ่านไปมาก็มองอย่างตัวประหลาด เห็นแล้วสงสารมาก เลยไปอุดหนุนเค้า แล้วเค้าก็ไม่แต่งตัวสวยเหมือนกระเทยบ้านเรา ที่เจอเค้าจะอ้วนๆ แต่งเป็นหญิงแต่หลอนมากกว่าสวย แต่งหน้าก็แย่ คงไม่มีสังคมของสาวประเภทสองไว้ให้คุยกันเท่าไร แต่เราเฟริม์ว่าที่นี่มีกระเทยแน่นอน เลสก็มี เจอออเซาะกันอยู่บนรถไฟใต้ดิน (เพื่อนพอตเจอ)



ถ้าใครได้คบผู้ชายเกาหลี จะรู้ว่าเค้ารักจริง(กว่าหนุ่มไทยบางคน) เค้าไม่มีกิ๊กให้เราต้องปวดหัว คนรู้จักเราหลายๆคน ทั้งพี่ๆนรไทย เพื่อนเรา (ยัยพรรณ ยัยรุ้ง) พี่พะยูนน้อย อิอิ เสียดุลให้หนุ่มเกาหลี (ที่ว่าเสียดุลเพราะต้องมาอยู่เกาหลี) หนุ่มเการักใครก็รักจริง เคยมีเหมือนกัน จะตามเราไปเมืองไทย แบบว่าอะไรก็ยอม ฮะๆๆ อดีตจ้ะอดีต ขำๆนะ ที่เคยได้ยินมาว่าหนุ่มเกาซาดิสต์ ชอบใช้กำลัง เอาเปรียบผู้หญิง เห็นแก่ตัว ก็ไม่จริงไปซะหมดนะคะ คนดีก็มีมากค่ะ ที่เราเจอ ดีกว่าหนุ่มไทยก็มีเยอะ ประเถทหลุดโผไม่สูบบุหรี่ก็มี แต่เหล้านี่ยากหน่อย เอาเป็นว่าถ้าใครมีหนุ่มเกาหลีมาติดพัน ก็อย่าไปเชื่อที่เค้าว่าไว้มาก ลองด้วยตัวเองดีกว่านะคะ ว่าแล้วก็แอบเหล่หนุ่มโต๊ะตรงข้ามของเราต่อไป คนนี้ น่ารัก ขาว สูง อ่อนโยน (กรี๊ดด) ไม่สูบบุหรี่ด้วย 555 แต่เค้าแต่งงานแล้วจ้ะ ใครอยากแชร์เรื่องของผู้ชายเกาหลี ยินดีนะคะ ^^

ขอตอบว่า ก็ไม่แตกต่างกันดอกหรอกครับ มีความหมายว่า โลลาจะแต่งงานกับแซกซอนเดือนหน้า เช่นเดียวกัน แต่วลี get marry ไม่เป็นทางการกว่า เป็นคำพื้นๆที่ชาวบ้านพูดจากัน

ขอตอบว่า ก็ไม่แตกต่างกันดอกหรอกครับ มีความหมายว่า โลลาจะแต่งงานกับแซกซอนเดือนหน้า เช่นเดียวกัน แต่วลี get marry ไม่เป็นทางการกว่า เป็นคำพื้นๆที่ชาวบ้านพูดจากัน

Free Host คืออะไร

Free Host คืออะไร

Free Host (Web Hosting) คือ รูปแบบการให้บริการที่อนุญาตให้ผู้ใช้บริการ สามารถนำเว็บเพจของตนเอง เพื่อออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งเว็บโฮสนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ HSP ' ย่อมาจาก Hosting Service Provider หรือผู้ให้บริการโฮสติ้ง เป็นธุรกิจที่นำเอาเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับงานสร้างเว็บไซต์ มาให้บริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เว็บไซต์นั้นสามารถมองเห็นได้บนอินเตอร์เน็ต ทุกเว็บไซต์ที่ออนไลน์บนอินเตอร์เน็ตจะต้องได้รับการฝาก หรือเก็บไว้บนคอมพิวเตอร์พิเศษ ที่เรียกว่า เว็บเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเซิร์ฟเวอร์นี้จะทำหน้าที่เป็นตัวติดต่อกับทุกหนทุกแห่งตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เว็บไซต์ ของคุณสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ทุกเวลาในโลกที่มีการต่อเชื่อม อินเตอร์เน็ตง่ายๆ แค่พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของคุณ (Domain Name) ตัวอย่างเช่น http://www.yourcompany.com/
ผู้ให้บริการจะทำการติดตั้งระบบทั้งหมดให้คุณ เมื่อมีบุคคลที่พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ของคุณ (Web address) ชื่อนั้นจะถูกส่งตามเส้นทางจากเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่งไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปพบเครื่องเว็บเซิร์ฟเวอร์ที่คุณได้ฝากเว็บไซต์ไว้ (Host computer) ในเวลาเพียงเสี้ยววินาที
ดังนั้นการออนไลน์เว็บไซต์ของคุณบนอินเตอร์เน็ต สิ่งแรกที่คุณจำเป็นจะต้องมีคือ เว็บเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งอย่างไรก็ตามการติดตั้งระบบเว็บเซิร์ฟเวอร์เป็นของตนเองสามารถทำได้ แต่มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงมากและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคดูแล ดังนั้น บริษัทส่วนใหญ่จะไม่ดำเนินการลงทุนเพื่อเป็นเจ้าของเอง และนี่คือที่มาของบริการเว็บโฮสติ้ง เว็บโฮสติ้งที่ดีจะต้องให้บริการทั้งเครื่องมืออำนวยความสะดวกและคำแนะนำแก่ผู้ใช้บริการ เพื่อให้สามารถดูแลและแก้ไขเว็บไซต์ของตนเองได้ ผุ้ให้บริการโฮสติ้งจะคิดค่าบริการจากการเช่า พื้นที่ในการให้บริการซึ่ง พื้นที่ดังกล่าวใช้สำหรับเก็บข้อมูลเว็บไซต์ที่ต้องการนำเสนอ รวมทั้งอีเมล์ ระบบฐานข้อมูล รายละเอียดเกี่ยวกับสถิติผู้เข้าชม ฯลฯ
บริการเว็บโฮสติ้งส่วนใหญ่มีข้อดีอันหนึ่งที่จัดได้ว่า เป็นการให้บริการจะดำเนินการแบบเบ็ดเสร็จ (Outsourced service) ซึ่งผู้ใช้บริการไม่ต้องยุ่งยากกับระบบเว็บเซิร์ฟเวอร์แต่อย่างใด ผู้ให้ บริการจะดำเนินการและรับผิดชอบทั้งหมด ตั้งแต่การเริ่มติดตั้ง จนกระทั่งการดูแลรักษาระบบให้คุณ
บริการเว็บโฮสติ้งที่ดีที่สุด จะต้องมีระบบที่ใช้งานง่าย และให้ผู้ใช้งานไม่ต้องรู้สึกวุ่นวายเกี่ยวกับ ฟังค์ชั่นที่ซับช้อนของระบบ เพื่อให้คุณสามารถเผยแพร่และนำเสนอผลงานได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว ที่สำคัญยังต้องคงไว้ซึ่งระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม

ประโยชน์ของ Free Host

1. ร่วมสร้างแหล่งความรู้ทางอินเตอร์เนตด้วยการเพิ่มจำนวนเว็บไซต์ที่เป็นแหล่งความรู้ในรูปแบบ ภาษาไทย
2. ส่งเสริมและพัฒนานักเว็บมาสเตอร์เพื่อสร้างเว็บไซต์ของตนเองเพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่เป็น ประโยชน์แก่สังคม

วิธีทำน้ำดื่มจากน้ำสกปรกมีเชื้อโรคในสมัยโบราณ

วิธีทำน้ำดื่มจากน้ำสกปรกมีเชื้อโรคในสมัยโบราณ
1.นำน้ำที่คิดว่าสะอาดที่สุดใช้สารส้มแกร่งไม่ต้องนานมากพอน้ำใสทิ้งไว้ซักครู่
รินน้ำจากด้านบนที่ใสสะอาดมาใส่ภาชนะที่จะดื่มกิน
2.นำผลมะรุมแห้ง นำเมล็ดด้านในพอประมาณกับน้ำ มาทุบๆพอแหลก
นำผ้าขาวบางมาห่อหรือใส่ไปเลยในน้ำก็ได้แช่ทิ้งไว้ซักครู่ใหญ่ๆนำมาดื่มได้ปลอดภัยครับ
ที่มา สารส้มทำให้น้ำใสสะอาดขึ้น แต่ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ทุกชนิด
ผลมะรุม มีสารทางยาคือฆ่าเชื้อไวรัส ฆ่าพยาธิ ในน้ำ ได้ผลดีมากๆ ถ้าจำเป็นต้องดื่มน้ำ
ที่ไม่สะอาดเช่นน้ำท่วมข้างบ้าน ควรทำตามนี้ เพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนนะครับอย่าตักมาดื่มเลย
เพราะในน้ำมีเชื้อไวรัส มีพยาธิหลากชนิด มีเชื้อโรคมากมาย ถ้าจำเป็นต้องดื่มทำอย่างนี้ก่อนนะครับ
หากท่านเกิดอาการแพ้เพราะทา่นมะรุมติดต่อกันมากไป อาจจะเกิดอาการคันตามร่างกาย
แต่เกิดน้อยมากๆ เกิดจาก มะรุมนั้นมีตัวยาขับสารพิษ ตัวของเรานั้นมีสารพิษมากเกินไปจึง
ขับออกตามผิวหนังจึงเกิดอาการคัน ซึ่งแสดงว่าตัวเรานั้นสะสมหรือมีสารพิษมากเกินจึงแสดง
ออกทางผิวหนัง จริงๆไม่ได้เกิดจากการแพ้มะรุมแต่อย่างใด กินยาแก้แพ้นั้นเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
วิธีแก้แพ้คันตามร่างกายคือต้องล้างสารพิษออกจากร่างกายก่อนง่ายๆก็คือ
นำผักบุ้งแดงที่เรากินกับส้มตำนำทั้งรากมาด้วยยิ่งดีนำมาล้างให้สะอาดแล้ว
หั่นเป็นทอนๆแล้วนำมาต้มในหม้อดินและใช้ไม้คนเท่านั้น แล้วใส่น้ำตาลทรายแดง
เคี้ยวดื่มแทนน้ำอาการแพ้หรือคันก็จะหายไป เพราะผักบุ้งแดง มีสารช่วยขับสารพิษ
ทานเรื่อยๆสุขภาพจะดีขึ้น เหมือนเราได้ล้างท่อน้ำคูคลองต่างๆสิ่งไม่ดีในทุกเส้นเลือดในลำไส้
จะถูกขับออกทางปัสสวะ อุจจาระ มีประโยชน์มากจริงๆ อาการแพ้ต่างๆก็จะหายไปเอง
.
.
.
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

คลายเครียด ตลกขำขัน

A:วันก่อนครับ
B:ทำไมครับ
A:มันเป็นเรื่องธรรมดา ไม่เล่าดีกว่าครับ
B: - -" เล่าเหอะครับ
A:ใส่กางเกงในตัวเดียวเดินรอบตลาดเลยครับ
B:ธรรมดาตรงไหน นี่มันบ้าชัดๆ !!
A:หรือมึงใส่กางเกงในหลายตัว
B: - -" !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
-------------------------------------------------------------------------
A: วันก่อนคับ
B: ทำไมคับ
A: ไปลองเสื้อสูทมาคับ
B: เปนไงบ้าง
A: ผมออกจากห้องลองเสื่อเท่านั้นละพนักงานร้านร้องกรีดอะ
B: หล่อมากอะสิ
A: ป่าวคับผมทำชุดสูทเป้าขาดคับ แหวกมากไปหน่อย!!
B: .........!
--------------------------------------------------------------------------
A: วันก่อนครับ
B: ทำไมครับ
A: แวะร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเก่ามาครับ สั่งเส้นหมี่พิเศษมา
B: โหยน่ากินนะครับเนี่ย
A: ทานคำแรกนี่ร้องโอโหเลยครับ
B: อร่อยมากเลยสินะครับ
A: ป่าวครับ แม่งให้เส้นเล็ก
B: .................. เออ
-------------------------------------------
A: วันก่อนครับ
B: ทำไมครับ
A: มีพรีเซ็นต์หน้าห้องเรียน ต้องออกไปรายงานทีละคน
B: โอ้ !!~ อยู่ในหลักสูตรการศึกษาด้วยรึเนี่ย O_O
A: หลังจากเตรียมงานมา 7 วัน 7 คืน หาข้อมูลล่วงหน้าเป็นเดือน พอถึงคิวผมเพื่อนๆถึงกับตะลึง OoO!!!!!!!!~
B: สุดยอดข้อมูล ว่าที่ศาสตร์จารย์ได้ถือกำเนิดแล้ว +++++
A: กูลืมเอามา !!!!! (T____T)
-------------------------------------------------------
.
.
.
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

แตงแคนตาลูป ให้พลังงานกี่แคลอรี่ ?

แคลอรี่ในผลไม้

สำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการรักษารูปร่างทรวดทรงให้ดูดี ลองหันมาทานผลไม้กันไหมค่ะ นอกจากจะได้วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ แล้ว เราไม่ต้องมานั่งกังวลปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับเข้าไปจากผลไม้ อย่างเช่น

1. แอปเปิ้ล 1 ผลขนาดกลาง น้ำหนักประมาณ 65 กรัม ให้พลังงาน 40 แคลอรี่

ในแอปเปิ้ลเรายังได้รับวิตามินซี ซึงวิตามินซีเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายให้สร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนังเรานั้นเอง ช่วยในการยืดหยุ่นและกระชับตัวของผิว และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วยคะ เห็นไหมคะว่าทานผลไม้แล้วยังไม่อ้วน แถมยังได้บำรุงผิวด้วย

2. แคนตาลูป 1 ชิ้น น้ำหนักประมาณ 250 กรัม ให้พลังงาน 40 แคลอรี่

ผลไม้สีส้ม หน้าตาน่ารับประทานชิ้นนี้ มีประโยชน์อย่างไร?

แคนตาลูปมีวิตามินเอมาก ซึ่งอยู่ในรูปของเบต้าแคโรทีน ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกาย
บำรุงผิวพรรณให้ดูสดใส

3. องุ่น 12 ผล น้ำหนักประมาณ 75 กรัม ให้พลังงาน 40 แคลอรี

ในองุ่นจะมีสารโฟลิฟินอล ช่วยร่างกายในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในหลอดเลือดหัวใจ ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด คนจีนใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ ท้องผูก ข้ออักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบ

4. กล้วยหอม 1/2 ผล น้ำหนักประมาณ 30 กรัม ให้พลังงาน 40 แคลอรี่

เรื่องของกล้วย นั้นมีประดยชน์มากเลยล่ะค่ะ คนทำงานที่กำลังเครียดอยู่นั้นลองทานกล้วยสักครึ่งผลสิคะ
จะช่วยให้คลายเครียดได้ เพราะในกล้วยมีสารเซโทนิน ช่วยให้อารมณ์ดีและยังเพิ่มพลังแรงของร่างกาย
ชาวตะวันตกเชื่อกันว่า กล้วยนั้นเป็นผลไม้คลายเครียดชั้นดี ทั้งยังได้วิตามินบีหกอีกด้วย

5. สับปะรด 1 ชิ้น น้ำหนักประมาณ 85 กรัม ให้พลังงาน 40 แคลอรี่

เที่ยง ๆ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว เสริมด้วยสับปะรดสักหนึ่งชิ้นดีไหมคะควรเลือกสับปะรดที่อมเปรี้ยวนิดนึง เพราะว่าไม่ต้องกังวลกับระดับน้ำตาลและยังได้วิตามินซีเพิ่ม สับปะรดเป็นแหล่งของแมกนีเซียม ปกป้องเซลล์ร่างกายจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับความดันเลือดและป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ แมกนีเซียมจะทำงานคู่กับวิตามินดี ช่วยป้องกันการสูญสลายของเนื้อกระดูกแตงแคนตาลูป ให้พลังงานกี่แคลอรี่ ?
.
.
.
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

แคลอรี่ในผลไม้

แคลอรี่ในผลไม้ (สยามดารา)

สำหรับคุณผู้หญิงที่ต้องการรักษารูปร่างทรวดทรงให้ดูดี ลองหันมาทานผลไม้กันไหมค่ะ นอกจากจะได้วิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ แล้ว เราไม่ต้องมานั่งกังวลปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับเข้าไปจากผลไม้ อย่างเช่น

1. แอปเปิ้ล 1 ผลขนาดกลาง น้ำหนักประมาณ 65 กรัม ให้พลังงาน 40 แคลอรี่

ในแอปเปิ้ลเรายังได้รับวิตามินซี ซึงวิตามินซีเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายให้สร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนังเรานั้นเอง ช่วยในการยืดหยุ่นและกระชับตัวของผิว และยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วยคะ เห็นไหมคะว่าทานผลไม้แล้วยังไม่อ้วน แถมยังได้บำรุงผิวด้วย

2. แคนตาลูป 1 ชิ้น น้ำหนักประมาณ 250 กรัม ให้พลังงาน 40 แคลอรี่

ผลไม้สีส้ม หน้าตาน่ารับประทานชิ้นนี้ มีประโยชน์อย่างไร?

แคนตาลูปมีวิตามินเอมาก ซึ่งอยู่ในรูปของเบต้าแคโรทีน ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระให้แก่ร่างกาย
บำรุงผิวพรรณให้ดูสดใส

3. องุ่น 12 ผล น้ำหนักประมาณ 75 กรัม ให้พลังงาน 40 แคลอรี

ในองุ่นจะมีสารโฟลิฟินอล ช่วยร่างกายในการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในหลอดเลือดหัวใจ ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด คนจีนใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่ ท้องผูก ข้ออักเสบ กระเพาะอาหารอักเสบ

4. กล้วยหอม 1/2 ผล น้ำหนักประมาณ 30 กรัม ให้พลังงาน 40 แคลอรี่

เรื่องของกล้วย นั้นมีประดยชน์มากเลยล่ะค่ะ คนทำงานที่กำลังเครียดอยู่นั้นลองทานกล้วยสักครึ่งผลสิคะ
จะช่วยให้คลายเครียดได้ เพราะในกล้วยมีสารเซโทนิน ช่วยให้อารมณ์ดีและยังเพิ่มพลังแรงของร่างกาย
ชาวตะวันตกเชื่อกันว่า กล้วยนั้นเป็นผลไม้คลายเครียดชั้นดี ทั้งยังได้วิตามินบีหกอีกด้วย

5. สับปะรด 1 ชิ้น น้ำหนักประมาณ 85 กรัม ให้พลังงาน 40 แคลอรี่

เที่ยง ๆ หลังจากรับประทานอาหารกลางวันแล้ว เสริมด้วยสับปะรดสักหนึ่งชิ้นดีไหมคะควรเลือกสับปะรดที่อมเปรี้ยวนิดนึง เพราะว่าไม่ต้องกังวลกับระดับน้ำตาลและยังได้วิตามินซีเพิ่ม สับปะรดเป็นแหล่งของแมกนีเซียม ปกป้องเซลล์ร่างกายจากอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับความดันเลือดและป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ แมกนีเซียมจะทำงานคู่กับวิตามินดี ช่วยป้องกันการสูญสลายของเนื้อกระดูก
.
.
.
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

Dream on แปลว่าอะไร

.
.
.
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

ชัลลุกา หมายถึงอะไร

พจนานุกรม ไทย-ไทย คำว่า ชัลลุกา แปลว่า แปลว่าอะไร หมายถึง ชัลลุกา ชันลุกา น ปลิง ชัลลุกา พจนานุกรม ความหมาย หมายถึง อ่านว่า คำแปล ชัลลุกา
.
.
.
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

คิลานเภสัช หมายถึงอะไร

คิลานเภสัช. คิลาน (อ่านว่า คิลานะ) แปลว่า คนเจ็บ, คนป่วย, คนไข้ ปกตินิยมใช้ประกอบกับคำอื่นที่เกี่ยวกับคนป่วยไข้โดยเฉพาะก็คือใช้กับภิกษุ ไข้ เช่น. คิลานปัจจัย
.
.
.
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

Antibody หรือ immunoglobulin คือ โปรตีนในเลือด หรือ สารน้ำในร่างกาย ที่จดจำ ... ที่ได้รับวัคซีนหรือ placebo ที่เหมือนกัน ถ้าต่าง arm กันหมายถึงได้รับวัคซีนที่ต่างกันไป

Antibody หรือ immunoglobulin คือ โปรตีนในเลือด หรือ สารน้ำในร่างกาย ที่จดจำ ... ที่ได้รับวัคซีนหรือ placebo ที่เหมือนกัน ถ้าต่าง arm กันหมายถึงได้รับวัคซีนที่ต่างกันไป
.
.
.
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

รีบาวน์ของหุ้นหมายถึงอะไร

ถ้ามีแรงกระทำย่อมมีแรงโต้ตอบ ซึ่งอนุมานในการเล่นหุ้นคือ เมื่อหุ้นมีขึ้น มันก็ต้องมีลง และเมื่อมันลงถึงจุดนิ่งแล้ว มันก็พร้อมที่จะขึ้นในรอบต่อไป ซึ่งภาษานักวิเคราะห์หุ้นทั้งหลายเขาเรียกว่าหุ้นรีบาวน์ ... ในหนึ่งรอบหรือ cycles ของ Elliott Wave นั้นจะเป็น series ของ impulse และ correction ... การที่หุ้นมัน rebound หรือ retrace นั้น ถามว่ามันจะขึ้นไปถึงไหน
.
.
.
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

www หมายถึงอะไร

Wold Wide Web ( WWW ) หมายถึง เน็ตเวิร์คที่มีการเชื่อมต่อกันไปทั่วโลก เรียกย่อว่า “ เว็บ “ ( Web ) ในเว็บมีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจเก็บรวบรวม ทำให้สามารถดูเอกสารหรือค้นหาสารสนเทศที่ต้องการได้ ซึ่งจะแสดงผลออกมาทีละหน้า แต่ละหน้าเรียกว่า “เว็บเพจ” ( Web Page ) แหล่งเก็บเว็บเพจ

เว็บไซต์ หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นโกดังหรือแหล่งเก็บเว็บเพจต่าง ๆ ที่มีการเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ต ซึ่งเว็บบราวเซอร์จะทำการติดต่อกับเว็บไซต์ที่เก็บเว็บเพจนั้น ปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าภาครัฐหรือภาคเอกชน รวมทั้งองค์กรอิสระต่างๆให้ความสนใจในการสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อเป็นแหล่งสารสนเทศ ข้อมูลและข่าวสารเพื่อการเผยแพร่ข้อมูลภายในองค์กรของตัวเอง
URL คือ ตำแหน่งที่เก็บเว็บเพจ ดังนั้นเมื่อต้องการเปิดเว็บเพจที่ต้องการจะต้องระบุตำแหน่งที่ต้องการ จะต้องระบุตำแหน่งของเว็บเพจนั้น ๆ ซึ่งเรียกว่า URL ( Uniform Resource Location )
การอ่านข้อมูลจากเว็บบราวเซอร์
Web Browser ทุกชนิดจะทำงานโดยการอ่านข้อมูลจาก Web Server ดังนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องติดตั้ง Web Browser



w=world = โลก
w=wide = กว้างขวาง แพร่หลาย
w=web = โครงข่าย ใยแมงมุม
รวมๆน่าจะหมายถึง ระบบเชื่อมโยงเป็นแบบโครงข่าย ใยแมงมุมและแพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวาง ทั่วโลก
สากลบ้านเรามีคนพูดบ่อยๆว่าเป็น ระ ดับ เวิลด์ วายด์ นั้นดีที่สุด(ก็ระดับโลกธรรมดานี้เอง)

Wold Wide Web ( WWW ) หมายถึง เน็ตเวิร์คที่มีการเชื่อมต่อกันไปทั่วโลก เรียกย่อว่า “ เว็บ “ ( Web ) ในเว็บมีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจเก็บรวบรวม ทำให้สามารถดูเอกสารหรือค้นหาสารสนเทศที่ต้องการได้ ซึ่งจะแสดงผลออกมาทีละหน้า แต่ละหน้าเรียกว่า “เว็บเพจ” ( Web Page ) แหล่งเก็บเว็บเพจ

เว็บไซต์ หมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นโกดังหรือแหล่งเก็บเว็บเพจต่าง ๆ ที่มีการเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ต ซึ่งเว็บบราวเซอร์จะทำการติดต่อกับเว็บไซต์ที่เก็บเว็บเพจนั้น ปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าภาครัฐหรือภาคเอกชน รวมทั้งองค์กรอิสระต่างๆให้ความสนใจในการสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง เพื่อเป็นแหล่งสารสนเทศ ข้อมูลและข่าวสารเพื่อการเผยแพร่ข้อมูลภายในองค์กรของตัวเอง
URL คือ ตำแหน่งที่เก็บเว็บเพจ ดังนั้นเมื่อต้องการเปิดเว็บเพจที่ต้องการจะต้องระบุตำแหน่งที่ต้องการ จะต้องระบุตำแหน่งของเว็บเพจนั้น ๆ ซึ่งเรียกว่า URL ( Uniform Resource Location )
การอ่านข้อมูลจากเว็บบราวเซอร์
Web Browser ทุกชนิดจะทำงานโดยการอ่านข้อมูลจาก Web Server ดังนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องติดตั้ง Web Browser

w=world = โลก
w=wide = กว้างขวาง แพร่หลาย
w=web = โครงข่าย ใยแมงมุม
รวมๆน่าจะหมายถึง ระบบเชื่อมโยงเป็นแบบโครงข่าย ใยแมงมุมและแพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวาง ทั่วโลก
สากลบ้านเรามีคนพูดบ่อยๆว่าเป็น ระ ดับ เวิลด์ วายด์ นั้นดีที่สุด(ก็ระดับโลกธรรมดานี้เอง)

.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

พุทธทำนาย ต่างกับ พุทธพยากรณ์

พุทธทำนาย หรือ พุทธพยากรณ์ หมายถึง คำทำนาย เกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับประเทศไทย ซึ่งที่มาของคำทำนายมักถูกเชื่อมโยงกับ งานเขียนเรื่อง พุทธพยากรณ์ ของพระราชพรหมยาน งานเขียนของพระราชพรหมยาน กล่าวถึง หลายๆเรื่องที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ เรื่องของสถานะของพุทธศาสนา เรื่องของสงครามใหญ่ระหว่างประเทศ เรื่องของน้ำมัน
นอกจากนั้นยังมี การกล่าวถึง พุทธทำนาย อย่างกว้างขวางในรูปของข่าวลือ และ เรื่องเล่าบอกต่อ งานเขียนหนึ่งซึ่งมีการเรียบเรียงเป็นรูปแบบ ก็คือบทความเรื่อง ถอดรหัสจากพุทธทำนาย และ การเตรียมตัว โดย มงคล กริชติทายาวุธ บทความบรรยายพุทธทำนายเกี่ยวกับ อนาคตของพุทธศาสนา และ ภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ และคำแนะนำสำหรับการเตรียมตัว
.
.
.
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

dumb tight

.
.
.
.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

เพศสัมพันธ์

เพศสัมพันธ์ เป็นคำที่ต่างเพศต่างวัยต่างสถานการณ์

ฟังแล้วรู้สึกไปได้หลายแบบหลายอย่างจบแทบไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ

ที่เป็นเรื่องธรรมชาติของคนเรา

เป็นเรื่องที่คู่กับคนมาตั้งแต่มีคนเกิดขึ้นในโลกนี้คู่แรก

จนขณะนี้คนก็สืบพันธุ์แพร่ขยาย จนพลเมืองโลกมีประมาณ 6 พันล้านแล้ว

ทำไมเพศสัมพันธ์จึงยังเป็นอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทาง

หรือทำไมคนทั้งโลกจำนวนไม่น้อยเลยยังไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ให้เกิดปัญหากับตัวเอง

ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน เป็นทุกข์ใจทุกข์กาย

หรือเหตุใดคนจำนวนหนึ่งยังคงมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่เหมาะสม

คือไม่เพียงแต่จะทำความเดือดร้อนใจและกายอย่างแสนสาหัส เหมือนแต่โบราณมาเท่านั้น

เพศสัมพันธ์ในปัจจุบันยังอาจนำไปสู่ความตายได้ เช่น ตายจากโรคเอดส์

ตายจากการฆ่ากันด้วยความแค้น ความหึงหวง ความตาย! ใครๆ ก็กลัว ใครๆ ก็ไม่อยากตาย

ทุกคนจึงน่าจะหันมาสนใจเรื่องเพศสัมพันธ์ให้มากจะได้ไม่เดือดร้อน

จะได้ไม่ต้องตายโดยไม่จำเป็น

เพราะทุกชีวิตที่เกิดมาแล้วกว่าจะฝ่าฟันชีวิตจนโตพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ก็นับว่าเป็นชีวิตที่แสนจะมีค่า

เราจึงต้องทะนุถนอมชีวิตและจิตใจของเราเอง เพื่อตัวเรา เพื่อคนที่เรารัก

และเพื่อคนที่รักเราด้วยจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดีงามและสบายใจด้วยกันทั้งหมด



ผู้เขียนเป็นจิตแพทย์จึงมีโอกาสพบเห็นวัยรุ่นที่เดือดร้อนจากเรื่องเพศสัมพันธ์มาเล่าให้ฟัง

เช่น วัยรุ่นหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเรียนอยู่

ปวช.ปีสุดท้ายได้กินยาจำนวนมากเพื่อฆ่าตัวตายหนีปัญหาชีวิตเพราะเครียดจัดและมองไม่เห็นทางออกอย่างอื่น

คงโชคดีสักนิดที่วิธีฆ่าตัวตายไม่รุนแรง

แพทย์จึงช่วยชีวิตไว้ได้เพราะยาที่กินบังเอิญสามารถแก้ฤทธิ์ได้

แต่ยาบางชนิดที่กินโดยผู้พยายามฆ่าตัวตายบางคนแพทย์จะช่วยไม่ได้

ผู้เขียนจึงถูกตามเพื่อช่วยแก้ปัญหาของเด็กสาวผู้นี้

ไม่เช่นนั้นถ้าแพทย์ปล่อยให้เธอกลับบ้านทั้งๆ ที่ยังแบกปัญหาอยู่

เด็กสาวผู้นี้อาจกลับไปฆ่าตัวตายซ้ำอีกได้

จากการสัมภาษณ์พูดคุยพบว่า วัยรุ่นผู้นี้ท้องถึง 6 เดือนกว่าแล้ว

แฟนหนุ่มซึ่งเป็นนักเรียนเช่นกันไม่ยอมรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น ทำตัวหายหน้าหายตาไปเลย

หลบเลี่ยงไม่ยอมมาพบเจอทั้งสิ้น

ฝ่ายหญิงก็พยายามหาทางออกโดยบุกบั่นไปถึงบ้านพ่อแม่ของแฟน

หวังพึ่งผู้ใหญ่ให้ช่วยแก้ปัญหา แต่เธอกลับได้รับความช้ำใจยิ่งนักเพราะพ่อแม่แฟน

กลับบอกว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเธอท้องกับลูกชายของเขา

เธออาจไปท้องกับใครมาก็ได้แล้วจะมาให้ลูกชายเขารับเป็นพ่อ

เธอจึงเสียใจมากที่ถูกดูถูกเหยียดหยาม

ในที่สุดท้องก็โตขึ้นทุกวันไม่สามารถจะปิดบังได้อีกต่อไป

จึงตัดสินใจนำเรื่องไปปรึกษาพ่อแม่ตัวเอง



พ่อแม่ของเธอก็เช่นกันไม่เป็นที่พึ่งได้กลับด่าว่าลูกสาวตัวเองมากมาย เช่น

แม่ว่าส่งให้เรียนหนังสือทำไมใจง่ายไปเที่ยวนอนกับผู้ชายจนท้อง ไม่รักดี ใจง่าย โง่

ปล่อยให้ผู้ชายหลอก "ฟัน" เล่นๆ แล้วสลัดทิ้งแบบไม่ไยดี แบบไม่มีค่าอะไรเลย

พร้อมบอกว่าพ่อแม่ไม่รู้จะแก้ปัญหาให้อย่างไร ผูกเองก็แก้เอง

ถ้าปล่อยให้ท้องก็ไม่ต้องเรียนหนังสือต่อแล้ว พ่อแม่จะไม่ส่งเรียนต่อ

ถ้าจะเรียนต่อต้องไม่ท้อง พ่อแม่เองก็ฐานะไม่ดีมาก เงินทองก็มีจำกัด

ถ้าปล่อยให้ท้องต่อก็ไม่มีปัญญาจะเลี้ยงหลานให้ คือไม่ต้องการเด็กในท้องอย่างแน่นอน



วัยรุ่นสาวผู้นี้อายุยังไม่ครบยี่สิบปี ยังมีความอ่อนต่อโลกมากนัก

เมื่อพบความเครียด ความทุกข์ ปัญหาหนักขนาดนี้ หันหน้าไปไหนก็ไม่มีใครช่วย

แม้กระทั่งพ่อแม่ตัวเองก็ไม่ช่วย จึงรู้สึกสับสน เสียใจ ผิดหวังซ้ำซ้อน

ไม่มีทางออกจึงคิดจบปัญหาด้วยความตายนั่นเอง เพราะจะไปทำแท้งก็ไม่มีเงินพอ

อีกทั้งท้องก็มีอายุมากเกินกว่าจะทำแท้งได้แล้ว อันตรายเกินไป

จิตแพทย์ฟังแล้วสามารถเข้าใจถึงความกดดันที่เด็กสาววัยรุ่นผู้นี้ได้รับ

จึงคิดปรึกษาหาทางออกด้วยกันว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำลายชีวิตตัวเองและลูกเพื่อแก้ปัญหา

เพราะมีมูลนิธิที่สังคมได้ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะ

เธอสามารถไปอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งคลอดลูก

แล้วทางมูลนิธิจะรับเลี้ยงลูกให้จนกระทั่งสามารถหาพ่อแม่ที่จะมารับไปเป็นลูกบุญธรรมต่อไป

ส่วนตัวแม่เองหลังคลอดพักฟื้นแล้วก็สามารถกลับไปเรียนต่อจนจบได้

เรื่องจึงลงเอยได้ด้วยดีพอประมาณ แต่วัยรุ่นทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่เหมาะสม

อาจประสบชะตากรรมร้ายแรงกว่าคนนี้ เช่น พอพบว่าท้องก็ไปพยายามทำแท้งกับหมอเถื่อน

ซึ่งมีโอกาสจะติดเชื้อโรคแล้วตายจากการติดเชื้อ ซึ่งพบอยู่เป็นประจำเพราะหมอเถื่อน

เขาทำไม่ถูกต้องเครื่องมือก็สกปรก บางครั้งก็ทำมดลูกทะลุก็มี น่ากลัวจริงๆ



วัยรุ่นตัวอย่างที่หมอเล่าให้ฟังนี้

ไม่ใช่จะพ้นปัญหาไปอย่างไม่เหลืออะไรคิดค้างในใจ เพราะลึกๆ

เขาอาจรู้สึกบาปที่ได้ทอดทิ้งลูกตัวเองไป อาจรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี

ฉะนั้นในอนาคตถ้าชีวิตต้องเผชิญอะไรไม่ดีเธออาจคิดผูกโยงมากับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ว่า

เพราะเธอทำบาปไว้จึงต้องประสบชะตากรรมไม่ดี คิดในทำนองกรรมตามสนอง

แม้ในการให้คำปรึกษา จิตแพทย์จะพยายามให้ความคิดเหล่านี้ไม่ตกค้างต่อไป เช่น พูดว่า

ความผิดพลาดของชีวิตย่อมเกิดขึ้นได้ และการแก้ปัญหานั้นก็ดีที่สุดสำหรับทุกคน

ที่เกี่ยวข้องแล้ว ลูกที่มีคนรับไปเลี้ยง เขาก็จะมีชีวิตที่ดีกว่า

เพราะเราไม่พร้อมจะเลี้ยงเขา และเขาไม่เป็นที่ยอมรับของปู่ย่าตายายและพ่อของตัวเอง

จึงน่าจะปล่อยเขาไปมีชีวิตที่ดีกว่ากับคนอื่นที่พร้อมกว่า

กับคนที่ยอมรับเขาและรักเขา แม่ที่ยกลูกให้คนอื่นมักจะยังมีความทรงจำเรื่องนี้อยู่

ทำอย่างไรก็ไม่สามารถจะลืมเรื่องราวเหมือนกับมันไม่เคยเกิดขึ้นได้

แต่จะทำใจได้แค่ไหนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคืออย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจะดีกว่ามาก

จะได้ไม่มีตราบาปในใจไปตลอดชีวิต

เรื่องวัยรุ่นสาวท้องไม่มีพ่อ ท้องตอนเป็นนักเรียน

หรือท้องโดยยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ใช่เรื่องใหม่

มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่หมอจำความได้ จนบัดนี้ทำงานมาหลายสิบปี

เรื่องแบบนี้ก็ยังเกิดขึ้นตลอดเวลาในสังคม เกิดขึ้นจนพ่อแม่กลัว

พ่อแม่บางคนกลัวมากไปพลอยทำให้ลูกสาวเดือดร้อน ขาดโอกาสในชีวิตไปเลยก็มี เช่น

ญาติรุ่นพี่ของหมอคนหนึ่งอยู่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นคนหัวดีเรียนเก่ง

แต่พ่อแม่ไม่ยอมให้มาเรียนต่อกรุงเทพฯ ด้วยกลัวลูกสาวจะมาเสียคนเพราะห่างไกลพ่อแม่

เนื่องจากลูกสาวข้างบ้านมาเรียนที่กรุงเทพฯ

แล้วก็มาท้องตอนเป็นนักเรียนนี่แหละที่ทำให้เขากลก้ว

ญาติผู้นี้ของหมอเลยหมดโอกาสที่จะได้รับการศึกษาที่ดีเท่าที่ควร

ต้องใช้ชีวิตของหญิงชาวบ้านที่จบประถม 4 คือต่อมาก็แต่งงานมีลูกเลี้ยงลูกไป

ทำงานบ้านไป ชีวิตของเขาต้องขึ้นอยู่กับสามีและลูก

ถ้าสามีและลูกดีชีวิตก็ดีไม่มีปัญหา ถ้าเจอสามีและลูกไม่ดีก็ต้องช้ำใจ

ไม่มีทางเลือกอื่นเหลือไว้ให้มากนัก

คำถามจึงมีอยู่ว่า ทำไมเรื่องแบบนี้จึงเกิดแล้วเกิดอีก

ป้องกันไม่ได้เลยหรือ เรื่องเพศเป็นเรื่องไม่ดีหรือไม่ใช่แน่

เรื่องเพศสัมพันธ์ก็เหมือนดาบสองคม ใช้เป็นจะดี ให้ความสุข

ใช้ไม่เป็นจะเป็นทุกข์เหมือนโดนมีดบาด ดังนั้น เรื่องนี้คงเกิดจากความไม่เข้าใจ

ความไม่รู้ การรู้ไม่เท่าทันโลกของทั้งวัยรุ่นชายและหญิง

เพราะสังคมของเราไม่มีการเรียนรู้เรื่องเพศให้เป็นกิจจะลักษณะไม่มีการให้เพศศึกษาที่ถูกต้อง

ให้เด็กโตขึ้นมาไปเรียนรู้เอาเองตามยถากรรม ผิดๆ ถูกๆ ตามเรื่องตามราว

จึงเกิดเรื่องได้บ่อยๆ

วัยรุ่นที่อยู่ห่างไกลสายตาพ่อแม่จึงมีโอกาสผิดพลาดสูงกว่าวัยรุ่นที่พ่อแม่คอยดูแลใกล้ชิด

ซึ่งก็อาจใกล้ชิดจนวัยรุ่นอึดอัดจนอกจะแตกได้เช่นกัน




การให้ความรู้กับลูกเรื่องเพศจึงเป็นเรื่องสำคัญ ควรให้ตั้งแต่เด็กเลย

(ขอเชิญผู้สนใจหาอ่านได้จากหนังสือของหมอชื่อ "เลี้ยงลูกถูกวิธีชีวีเป็นสุข" ในบท

สอนลูกเรื่องเพศ) แต่ในที่นี้จะพูดเฉพาะในวัยรุ่น

ความต้องการทางเพศในวัยรุ่นนั้นมีมาก

ทั้งนี้เป็นธรรมชาติของคนที่เป็นไปตามวัย โดยเฉพาะในวัยรุ่นชายจะเห็นได้อย่างชัดเจน

จะเป็นช่วงที่มีความต้องการทางเพศสูงสุด ระหว่างแถวๆ อายุประมาณ 16-17 ปีเลยทีเดียว

วัยรุ่นหญิงก็มีความต้องการเช่นกัน เช่น ถ้าดูภาพยนตร์

อ่านหนังสือที่พรรณนาบทพลอดรักหรือการร่วมเพศ หรือดูภาพโป๊

จะเกิดอารมณ์ทางเพศมากได้อย่างรวดเร็วรุนแรง

วัยรุ่นที่มีความรู้จะสามารถปลดปล่อยอารมณ์

หรือสนองความต้องการเหล่านี้ได้อย่างถูกวิธี เช่น การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง

แต่ถ้าความต้องการไม่รุนแรง อาจทดแทนด้วยวิธีอื่นๆ เช่น เล่นกีฬา มีกิจกรรมอื่นๆ

ได้ คนที่ไม่รู้อาจกลัวด้วยว่าการสำเร็จความใคร่จะเป็นอันตราย

หรือคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี

ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์มานานว่าเป็นเรื่องปกติ ใช้ได้ทั้งหญิงชาย

แม้คนที่เป็นสามีภรรยากันแล้ว

บางครั้งคู่ของตนไม่สามารถตอบสนองทางเพศได้ตามต้องการก็ยังสามารถสำเร็จความใคร่ได้ทั้งสามีและภรรยา

เช่น เวลาความต้องการไม่ตรงกัน หรือสามีป่วย ภรรยาป่วย เป็นต้น

มีข้อท้วงนิดหน่อยเกี่ยวกับการสำเร็จความใคร่ คือ

ขอเพียงอย่าหมกมุ่นและกระทำบ่อยจนร่างกายอ่อนเพลีย เช่น กระทำวันละหลายๆ ครั้ง

หรือเป็นสิบๆ ครั้งต่อวัน

By: ศาสตราจารย์แพทย์หญิงนงพงา

ลิ้มสุวรรณ


เพศสัมพันธ์ เป็นคำที่ต่างเพศต่างวัยต่างสถานการณ์
ฟังแล้วรู้สึกไปได้หลายแบบหลายอย่างจบแทบไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ
ที่เป็นเรื่องธรรมชาติของคนเรา
เป็นเรื่องที่คู่กับคนมาตั้งแต่มีคนเกิดขึ้นในโลกนี้คู่แรก
จนขณะนี้คนก็สืบพันธุ์แพร่ขยาย จนพลเมืองโลกมีประมาณ 6 พันล้านแล้ว
ทำไมเพศสัมพันธ์จึงยังเป็นอะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทาง
หรือทำไมคนทั้งโลกจำนวนไม่น้อยเลยยังไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ให้เกิดปัญหากับตัวเอง
ไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน เป็นทุกข์ใจทุกข์กาย
หรือเหตุใดคนจำนวนหนึ่งยังคงมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่เหมาะสม
คือไม่เพียงแต่จะทำความเดือดร้อนใจและกายอย่างแสนสาหัส เหมือนแต่โบราณมาเท่านั้น
เพศสัมพันธ์ในปัจจุบันยังอาจนำไปสู่ความตายได้ เช่น ตายจากโรคเอดส์
ตายจากการฆ่ากันด้วยความแค้น ความหึงหวง ความตาย! ใครๆ ก็กลัว ใครๆ ก็ไม่อยากตาย
ทุกคนจึงน่าจะหันมาสนใจเรื่องเพศสัมพันธ์ให้มากจะได้ไม่เดือดร้อน
จะได้ไม่ต้องตายโดยไม่จำเป็น
เพราะทุกชีวิตที่เกิดมาแล้วกว่าจะฝ่าฟันชีวิตจนโตพอที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ก็นับว่าเป็นชีวิตที่แสนจะมีค่า
เราจึงต้องทะนุถนอมชีวิตและจิตใจของเราเอง เพื่อตัวเรา เพื่อคนที่เรารัก
และเพื่อคนที่รักเราด้วยจึงน่าจะเป็นสิ่งที่ดีงามและสบายใจด้วยกันทั้งหมด


color=#3300cc>ผู้เขียนเป็นจิตแพทย์จึงมีโอกาสพบเห็นวัยรุ่นที่เดือดร้อนจากเรื่องเพศสัมพันธ์มาเล่าให้ฟัง
เช่น วัยรุ่นหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเรียนอยู่
ปวช.ปีสุดท้ายได้กินยาจำนวนมากเพื่อฆ่าตัวตายหนีปัญหาชีวิตเพราะเครียดจัดและมองไม่เห็นทางออกอย่างอื่น
คงโชคดีสักนิดที่วิธีฆ่าตัวตายไม่รุนแรง
แพทย์จึงช่วยชีวิตไว้ได้เพราะยาที่กินบังเอิญสามารถแก้ฤทธิ์ได้
แต่ยาบางชนิดที่กินโดยผู้พยายามฆ่าตัวตายบางคนแพทย์จะช่วยไม่ได้
ผู้เขียนจึงถูกตามเพื่อช่วยแก้ปัญหาของเด็กสาวผู้นี้
ไม่เช่นนั้นถ้าแพทย์ปล่อยให้เธอกลับบ้านทั้งๆ ที่ยังแบกปัญหาอยู่
เด็กสาวผู้นี้อาจกลับไปฆ่าตัวตายซ้ำอีกได้

color=#669933>จากการสัมภาษณ์พูดคุยพบว่า วัยรุ่นผู้นี้ท้องถึง 6 เดือนกว่าแล้ว
แฟนหนุ่มซึ่งเป็นนักเรียนเช่นกันไม่ยอมรับรู้ใดๆ ทั้งสิ้น ทำตัวหายหน้าหายตาไปเลย
หลบเลี่ยงไม่ยอมมาพบเจอทั้งสิ้น
ฝ่ายหญิงก็พยายามหาทางออกโดยบุกบั่นไปถึงบ้านพ่อแม่ของแฟน
หวังพึ่งผู้ใหญ่ให้ช่วยแก้ปัญหา แต่เธอกลับได้รับความช้ำใจยิ่งนักเพราะพ่อแม่แฟน
กลับบอกว่าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าเธอท้องกับลูกชายของเขา
เธออาจไปท้องกับใครมาก็ได้แล้วจะมาให้ลูกชายเขารับเป็นพ่อ
เธอจึงเสียใจมากที่ถูกดูถูกเหยียดหยาม
ในที่สุดท้องก็โตขึ้นทุกวันไม่สามารถจะปิดบังได้อีกต่อไป
จึงตัดสินใจนำเรื่องไปปรึกษาพ่อแม่ตัวเอง


พ่อแม่ของเธอก็เช่นกันไม่เป็นที่พึ่งได้กลับด่าว่าลูกสาวตัวเองมากมาย เช่น
แม่ว่าส่งให้เรียนหนังสือทำไมใจง่ายไปเที่ยวนอนกับผู้ชายจนท้อง ไม่รักดี ใจง่าย โง่
ปล่อยให้ผู้ชายหลอก "ฟัน" เล่นๆ แล้วสลัดทิ้งแบบไม่ไยดี แบบไม่มีค่าอะไรเลย
พร้อมบอกว่าพ่อแม่ไม่รู้จะแก้ปัญหาให้อย่างไร ผูกเองก็แก้เอง
ถ้าปล่อยให้ท้องก็ไม่ต้องเรียนหนังสือต่อแล้ว พ่อแม่จะไม่ส่งเรียนต่อ
ถ้าจะเรียนต่อต้องไม่ท้อง พ่อแม่เองก็ฐานะไม่ดีมาก เงินทองก็มีจำกัด
ถ้าปล่อยให้ท้องต่อก็ไม่มีปัญญาจะเลี้ยงหลานให้ คือไม่ต้องการเด็กในท้องอย่างแน่นอน


วัยรุ่นสาวผู้นี้อายุยังไม่ครบยี่สิบปี ยังมีความอ่อนต่อโลกมากนัก
เมื่อพบความเครียด ความทุกข์ ปัญหาหนักขนาดนี้ หันหน้าไปไหนก็ไม่มีใครช่วย
แม้กระทั่งพ่อแม่ตัวเองก็ไม่ช่วย จึงรู้สึกสับสน เสียใจ ผิดหวังซ้ำซ้อน
ไม่มีทางออกจึงคิดจบปัญหาด้วยความตายนั่นเอง เพราะจะไปทำแท้งก็ไม่มีเงินพอ
อีกทั้งท้องก็มีอายุมากเกินกว่าจะทำแท้งได้แล้ว อันตรายเกินไป

color=#990000>จิตแพทย์ฟังแล้วสามารถเข้าใจถึงความกดดันที่เด็กสาววัยรุ่นผู้นี้ได้รับ
จึงคิดปรึกษาหาทางออกด้วยกันว่าเธอไม่จำเป็นต้องทำลายชีวิตตัวเองและลูกเพื่อแก้ปัญหา
เพราะมีมูลนิธิที่สังคมได้ตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเรื่องแบบนี้โดยเฉพาะ
เธอสามารถไปอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งคลอดลูก
แล้วทางมูลนิธิจะรับเลี้ยงลูกให้จนกระทั่งสามารถหาพ่อแม่ที่จะมารับไปเป็นลูกบุญธรรมต่อไป
ส่วนตัวแม่เองหลังคลอดพักฟื้นแล้วก็สามารถกลับไปเรียนต่อจนจบได้
เรื่องจึงลงเอยได้ด้วยดีพอประมาณ แต่วัยรุ่นทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่เหมาะสม
อาจประสบชะตากรรมร้ายแรงกว่าคนนี้ เช่น พอพบว่าท้องก็ไปพยายามทำแท้งกับหมอเถื่อน
ซึ่งมีโอกาสจะติดเชื้อโรคแล้วตายจากการติดเชื้อ ซึ่งพบอยู่เป็นประจำเพราะหมอเถื่อน
เขาทำไม่ถูกต้องเครื่องมือก็สกปรก บางครั้งก็ทำมดลูกทะลุก็มี น่ากลัวจริงๆ


color=#ff0099>วัยรุ่นตัวอย่างที่หมอเล่าให้ฟังนี้
ไม่ใช่จะพ้นปัญหาไปอย่างไม่เหลืออะไรคิดค้างในใจ เพราะลึกๆ
เขาอาจรู้สึกบาปที่ได้ทอดทิ้งลูกตัวเองไป อาจรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี
ฉะนั้นในอนาคตถ้าชีวิตต้องเผชิญอะไรไม่ดีเธออาจคิดผูกโยงมากับเรื่องที่เกิดขึ้นได้ว่า
เพราะเธอทำบาปไว้จึงต้องประสบชะตากรรมไม่ดี คิดในทำนองกรรมตามสนอง
แม้ในการให้คำปรึกษา จิตแพทย์จะพยายามให้ความคิดเหล่านี้ไม่ตกค้างต่อไป เช่น พูดว่า
ความผิดพลาดของชีวิตย่อมเกิดขึ้นได้ และการแก้ปัญหานั้นก็ดีที่สุดสำหรับทุกคน
ที่เกี่ยวข้องแล้ว ลูกที่มีคนรับไปเลี้ยง เขาก็จะมีชีวิตที่ดีกว่า
เพราะเราไม่พร้อมจะเลี้ยงเขา และเขาไม่เป็นที่ยอมรับของปู่ย่าตายายและพ่อของตัวเอง
จึงน่าจะปล่อยเขาไปมีชีวิตที่ดีกว่ากับคนอื่นที่พร้อมกว่า
กับคนที่ยอมรับเขาและรักเขา แม่ที่ยกลูกให้คนอื่นมักจะยังมีความทรงจำเรื่องนี้อยู่
ทำอย่างไรก็ไม่สามารถจะลืมเรื่องราวเหมือนกับมันไม่เคยเกิดขึ้นได้
แต่จะทำใจได้แค่ไหนนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคืออย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจะดีกว่ามาก
จะได้ไม่มีตราบาปในใจไปตลอดชีวิต

color=#663399>เรื่องวัยรุ่นสาวท้องไม่มีพ่อ ท้องตอนเป็นนักเรียน
หรือท้องโดยยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ใช่เรื่องใหม่
มันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่หมอจำความได้ จนบัดนี้ทำงานมาหลายสิบปี
เรื่องแบบนี้ก็ยังเกิดขึ้นตลอดเวลาในสังคม เกิดขึ้นจนพ่อแม่กลัว
พ่อแม่บางคนกลัวมากไปพลอยทำให้ลูกสาวเดือดร้อน ขาดโอกาสในชีวิตไปเลยก็มี เช่น
ญาติรุ่นพี่ของหมอคนหนึ่งอยู่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นคนหัวดีเรียนเก่ง
แต่พ่อแม่ไม่ยอมให้มาเรียนต่อกรุงเทพฯ ด้วยกลัวลูกสาวจะมาเสียคนเพราะห่างไกลพ่อแม่
เนื่องจากลูกสาวข้างบ้านมาเรียนที่กรุงเทพฯ
แล้วก็มาท้องตอนเป็นนักเรียนนี่แหละที่ทำให้เขากลก้ว
ญาติผู้นี้ของหมอเลยหมดโอกาสที่จะได้รับการศึกษาที่ดีเท่าที่ควร
ต้องใช้ชีวิตของหญิงชาวบ้านที่จบประถม 4 คือต่อมาก็แต่งงานมีลูกเลี้ยงลูกไป
ทำงานบ้านไป ชีวิตของเขาต้องขึ้นอยู่กับสามีและลูก
ถ้าสามีและลูกดีชีวิตก็ดีไม่มีปัญหา ถ้าเจอสามีและลูกไม่ดีก็ต้องช้ำใจ
ไม่มีทางเลือกอื่นเหลือไว้ให้มากนัก

color=#ff3366>คำถามจึงมีอยู่ว่า ทำไมเรื่องแบบนี้จึงเกิดแล้วเกิดอีก
ป้องกันไม่ได้เลยหรือ เรื่องเพศเป็นเรื่องไม่ดีหรือไม่ใช่แน่
เรื่องเพศสัมพันธ์ก็เหมือนดาบสองคม ใช้เป็นจะดี ให้ความสุข
ใช้ไม่เป็นจะเป็นทุกข์เหมือนโดนมีดบาด ดังนั้น เรื่องนี้คงเกิดจากความไม่เข้าใจ
ความไม่รู้ การรู้ไม่เท่าทันโลกของทั้งวัยรุ่นชายและหญิง
เพราะสังคมของเราไม่มีการเรียนรู้เรื่องเพศให้เป็นกิจจะลักษณะไม่มีการให้เพศศึกษาที่ถูกต้อง
ให้เด็กโตขึ้นมาไปเรียนรู้เอาเองตามยถากรรม ผิดๆ ถูกๆ ตามเรื่องตามราว
จึงเกิดเรื่องได้บ่อยๆ
วัยรุ่นที่อยู่ห่างไกลสายตาพ่อแม่จึงมีโอกาสผิดพลาดสูงกว่าวัยรุ่นที่พ่อแม่คอยดูแลใกล้ชิด
ซึ่งก็อาจใกล้ชิดจนวัยรุ่นอึดอัดจนอกจะแตกได้เช่นกัน


การให้ความรู้กับลูกเรื่องเพศจึงเป็นเรื่องสำคัญ ควรให้ตั้งแต่เด็กเลย
(ขอเชิญผู้สนใจหาอ่านได้จากหนังสือของหมอชื่อ "เลี้ยงลูกถูกวิธีชีวีเป็นสุข" ในบท
สอนลูกเรื่องเพศ) แต่ในที่นี้จะพูดเฉพาะในวัยรุ่น

color=#cc0099>ความต้องการทางเพศในวัยรุ่นนั้นมีมาก
ทั้งนี้เป็นธรรมชาติของคนที่เป็นไปตามวัย โดยเฉพาะในวัยรุ่นชายจะเห็นได้อย่างชัดเจน
จะเป็นช่วงที่มีความต้องการทางเพศสูงสุด ระหว่างแถวๆ อายุประมาณ 16-17 ปีเลยทีเดียว
วัยรุ่นหญิงก็มีความต้องการเช่นกัน เช่น ถ้าดูภาพยนตร์
อ่านหนังสือที่พรรณนาบทพลอดรักหรือการร่วมเพศ หรือดูภาพโป๊
จะเกิดอารมณ์ทางเพศมากได้อย่างรวดเร็วรุนแรง
วัยรุ่นที่มีความรู้จะสามารถปลดปล่อยอารมณ์
หรือสนองความต้องการเหล่านี้ได้อย่างถูกวิธี เช่น การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง
แต่ถ้าความต้องการไม่รุนแรง อาจทดแทนด้วยวิธีอื่นๆ เช่น เล่นกีฬา มีกิจกรรมอื่นๆ
ได้ คนที่ไม่รู้อาจกลัวด้วยว่าการสำเร็จความใคร่จะเป็นอันตราย
หรือคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ดี
ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์มานานว่าเป็นเรื่องปกติ ใช้ได้ทั้งหญิงชาย
แม้คนที่เป็นสามีภรรยากันแล้ว
บางครั้งคู่ของตนไม่สามารถตอบสนองทางเพศได้ตามต้องการก็ยังสามารถสำเร็จความใคร่ได้ทั้งสามีและภรรยา
เช่น เวลาความต้องการไม่ตรงกัน หรือสามีป่วย ภรรยาป่วย เป็นต้น
มีข้อท้วงนิดหน่อยเกี่ยวกับการสำเร็จความใคร่ คือ
ขอเพียงอย่าหมกมุ่นและกระทำบ่อยจนร่างกายอ่อนเพลีย เช่น กระทำวันละหลายๆ ครั้ง
หรือเป็นสิบๆ ครั้งต่อวัน

By: ศาสตราจารย์แพทย์หญิงนงพงา
ลิ้มสุวรรณ

.
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies

Search for content in this blog.