2012 ไม่มีวันสิ้นโลก
ช่วงนี้กระทู้แนว 2012 จะมีออกมาค่อนข้างเยอะ แต่ส่วนใหญ่จะออกไปในแนวเกี่ยวกับคําทํานายภัยพิบัติมากกว่า ผมจึงขออนุญาตนําเสนออีกด้าน อีกมุมมอง ที่น่าสนใจเกี่ยวกับ 2012 บ้างครับ เพื่อนๆชาวหว้ากอหลายๆท่านก็คงจะมีแนวความคิดความเชื่อแตกต่างกันไป
อาจจะดูเหมือนโหนกระแส แต่ผมไม่โหนครับ (และก็ไม่ใช่โหรด้วยครับ)เพราะถ้าจะโหนกระแส นั่นต้องเป็นการออกมาสร้างความกลัว ความตื่นตระหนก ว่าปี 2012 จะเป็นอย่างโน้น อย่างนั้น นั่นคือการโหนกระแสอย่างแท้จริง ผมและเพื่อนๆอีกหลายท่านพยายามต้านทานกระแสอยู่ครับ กระแสแห่งความหวาดกลัวนั่น ผมและชาวหว้ากอจะใช้คําอธิบายทางวิทยาศาสตร์ต่อสู้กับมันเอง!
บทความในกระทู้นี้ผมจะไม่ได้เขียนเองครับ จะขออนุญาตนํามาจากบทความ The World Won't End in 2012 ของ อ.ปีเตอร์ สุดธนกิจ ซึ่งผมใคร่เห็นว่ามีประโยชน์ถ้าจะเสริมความรู้เรื่องนี้ให้แด่ชาวหว้ากอ
อนึ่ง บางท่านอาจจะยังไม่ทราบเรื่องของการสร้างกระแสปี 2012 และเหตุผลต่างๆที่สามารถโต้แย้งเรื่องนี้ได้ เชิญชวนไปอ่านในกระทู้นี้นะครับ http://topicstock.pantip.com/chalerm.../A8193972.html
วันนี้การกล่าวถึง 2012 วันสิ้นโลก จากการสร้างของภาพยนต์ด้วยเทคนิคพิเศษ(Special effects) นับว่าเป็นสิ่งที่ดี สร้างความสนุกสนาน ทำให้ผู้คนทั่วไปเกิดความสนใจ ด้านวิทยาศาสตร์และอวกาศ
มีความเหมือนกันระหว่าง กรณี Y2K และ 2012 วันสิ้นโลก ต้องมีการวิเคราะห์ การคำนวณศึกษาจุดจบของโลก อย่างละเอียดละออ บางอย่างทางวิชาการ อาจขัดกับความเชื่อ ตามสามัญสำนึกของผู้คนทั่วไป
การมีหลักและกฎเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ ให้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ทำให้กระจ่างต่อปัญหาความลึกลับ กรณี 2012 วันสิ้นโลกได้
คำอธิบายต่อข้อสงสัย 2012 วันสิ้นโลก ในแง่มุมต่างๆใช้ฐานข้อมูลจาก
The National Aeronautics and Space Administration (NASA)
GFDL's (Geophysical Fluid Dynamics Laboratory)
NOAA (The National Oceanicand Atmospheric Administration)
และได้เรียบเรียงใหม่เพิ่มเติม เพื่อความเข้าใจ สำหรับผู้สนใจชาวไทย ในทุกระดับความรู้
อย่างไรก็ตาม คำอธิบายนี้จัดทำเพื่อประโยชน์ทางการศึกษา มีเจตนาให้ผู้สงสัย ได้รับความกระจ่างขึ้น โดยมิได้คัดค้านแนวคิด หรือความเชื่อใดๆ ที่ทุกคนมีสิทธิพึงแสดงความเห็นได้ ตามหลักการที่ถูกต้อง
อ.ปีเตอร์ สุดธนกิจ
วันสิ้นโลก มีจริงหรือไม่ ข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่ต้องเกิดแน่นอน จากกรณีผลกระทบการขยายตัวของดวงอาทิตย์ (Red Giant effect) อีกในราว 4.5 - 5 พันล้านปีข้างหน้า 100% และวันนั้นคือวันสิ้นโลกที่แท้จริง โดยไม่มีทางแก้ไขได้
แม้ว่ามีเวลาอีกนานแสนนาน ผลกระทบต่อโลกนั้นยังมีเรื่องที่หลีกเหลี่ยงไม่ได้ อย่างมากมายสามารถสร้างความหายนะ เป็นจุดจบมนุษย์อันเกิดผลกระทบจากธรรมชาติ เช่น กรณีผลกระทบจากปฎิกิริยาเรือนกระจก (Greenhouse effect),กรณีผลกระทบจากพายุสุริยะ (Solar wind effect), กรณีผลกระทบจากการที่ระเบิดของภูเขาไฟ (Volcanic Activity), กรณีผลกระทบการชนปะทะของวัตถุใกล้โลก (Near Earth impact) เป็นต้น ซึ่งแต่ละเดือนได้มีรายงานถึงภัยพิบัติอันตรายของธรรมชาติกระทำต่อโลก โดยการสำรวจจากอวกาศ ให้ทราบล่วงหน้าอยู่บ่อยครั้ง
โดยขอบเขตการเกิดขึ้นแต่ละกรณีนั้น มีเงื่อนไขทางธรรมชาติ มีความรุนแรงที่แตกต่างกันไป อาจสร้างความหายนะเฉพาะบางส่วนของโลก หรืออยู่ในขั้นใดก็สามารถอธิบายเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ได้เสมอ
แต่วันนี้ เรื่่องวันสิ้นโลก ได้รับการบอกเล่าไปในทิศทางต่างๆ อย่างขาดเหตุผลและความเข้าใจที่ครบถ้วน และบางครั้งอ้างหลักการทางวิทยาศาสตร์ ที่มีความกำกวม ผิดหลักเกณฑ์ และเลื่อนลอย ด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกันไป โดยเฉพาะการเล่นตลกบนอินเตอร์เน็ต กระทบต่อความเข้าใจของผู้คนทั่วไป มีความกังวลเกิดเป็นคำถามตามมามากมาย ว่า ค.ศ.2012 เป็นวันสิ้นโลกจริงหรือ ?
อะไรเป็นต้นเหตุถึงคำนาย เรื่องวันสิ้นโลก และทำไมต้องเป็นวันที่ 21 ธันวาคม
ค.ศ.2012 ?
คำอธิบาย
เรื่องราวเกิดขึ้นจาก การอ้างถึงการสำรวจพบดาว Nibiru โดยกลุ่มชนชาวสุเมเรียน
(Sumerians) ที่กลับมายังโลก และมีการทำนายความหายนะ จะเริ่มขึ้นตั้งแต่
เดือนพฤษภาคม ค.ศ.2003
แต่เมื่อถึงเวลานั้นกลับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นตลอดเดือน จึงเลื่อนวันเกิดเหตุการณ์ไป
ในเดือน ธันวาคม ค.ศ.2012 และเปรียบว่า เป็นวันที่พระผู้เป็นเจ้าพิพากษามนุษย์
ทั่วโลก (Doomsday date)
เป็นการเชื่อมโยงนิทานชาดกโบราณ กับเรื่องปฎิทินชาวมายาโบราณ (Ancient
Mayan calendar) ให้ตรงกับ Winter solstice ประมาณวันที่ 21 ธันวาคมของ
ทุกๆปี อันเป็นวันแรกของเหมันตฤดูหรือฤดูหนาว และดวงอาทิตยมีตำแหน่งห่าง
จากเส้นศูนย์สูตรโลกที่สุด
การนำวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ.2012 มากำหนดให้มีความน่าสนใจ จุดประสงค์ให้คน
ทั่วไปได้ขบคิด เพื่อเพิ่มน้ำหนักเหตุผลของวันสิ้นโลก
วิหารของชาวสุเมเรียน Guto-Sumerian Ziggurat
Life Insurance Knowledge:Life Insurance , private, death, employee pensions and annuities,life insurance, educational, life insurance companies
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น