รักมากมายนายภูมิ ตอนที่ 1. บ้านหลังใหม่
ภูมิ จัดการขนข้าวของที่จำเป็น ซึ่งก็มีไม่มากนัก เขาเข้ามาพักในบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านชั้นเดียวที่ไม่ได้หลังเล็กอย่างที่ครูดวงใจบอก บ้านหลังนี้ค่อนข้างใหญ่ทีเดียวในความคิดของภูมิ บริเวณบ้านตกแต่งด้วยต้นไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ เป็นบ้านที่น่าอยู่มากมาย ภูมิสังเกตจากภายในตัวบ้าน ที่สังเกตดูแล้วราวกับว่ามีใครสักคนพักอยู่ที่นี่อยู่แล้ว เพราะข้างในบ้านสะอาดสะอ้าน ผ่านการทำความสะอาดดูแลเป็นอย่างดี
“ภูมิ...ครูลืมบอกภูมิไป..... บ้านหลังนี่ลูกชายของครูชอบมานอนเล่น มานั่งทำงานที่นี่แหละ พี่เขาทำงานสถาปนิก
รับออกแบบบ้าน อาคาร ตึกรามบ้านช่อง”
“ครับผม”
“พี่เขาชื่อ แซม... อายุมากกว่าภูมิก็ราวราวสามสี่ปีได้มั่ง… พี่แซมเป็นคนที่เก่งมากเลยนะ มีบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายบริษัท ให้พี่แซมออกแบบโครงการบ้านจัดสรร คอนโดมิเนียม..............” ครูดวงใจกล่าวถึงลูกชายของตนอย่างภาคภูมิใจ
“แล้วภูมิมาพักที่บ้านหลังนี่ พี่เขา..เออ..พี่แซมรู้ไหมครับ”
“ครูโทรศัพท์ไปบอกแล้วละ” ครูดวงใจพูดเสร็จก็ยิ้ม เมื่อมองไปที่หน้าละอ่อนของภูมิ ที่ท่าทางคิดมาก
“ภูมิไม่ต้องคิดมากเลย พี่แซมเขาเป็นคนดี ง่ายๆสบายๆ.....ภูมิจะได้มีเพื่อนคุยไง”
“ครับ” ภูมิพูดเสร็จ ก็ก้าวเดินเข้าไปในห้องนอน เมื่อได้เห็นสภาพในตัวห้องที่ถูกตกแต่งอย่างดี ยิ่งทำให้เขารู้สึกทราบซึ้งในความเมตตาของครูดวงใจมากขึ้นเป็นเท่าตัว ภูมิเป็นใครลูกเต้าเหล่าใคร นิสัยเป็นเช่นใด เป็นคนดีหรือเปล่าครูดวงใจเองก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของภูมิ นี้แหละคือน้ำใจของคนไทย ที่ปัจจุบันน้ำใจของคนไทยเริ่มลดน้อยถอยลงซะจนแทบจะไม่มีให้พบเห็น
ครู่หนึ่งผ่านไป ครูดวงใจก็ต้องขอตัวกลับไปทำธุระต่อ โดยมีร่างบางเดินมาเปิดประตูบ้านให้
ครูดวงใจมองไปที่หน้าละอ่อนใส ที่มีสีหน้าวิตกกังวล กับบ้านหลังใหม่ หญิงสูงวัยยิ้มอย่างอดขำไม่ได้
“หุหุ....ไม่ต้องทำสีหน้าแบบนั้น ..... แล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรด้วย....คิดซะว่าบ้านหลังนี่เป็นบ้านของภูมิเลยแล้วกัน.....นะ...
เดี่ยวครูไปก่อนนะ.....อ๋อ.... ลืมบอกไปพี่แซมตอนนี่ สงสัยไปเล่นบาสอยู่ เย็นเย็นถึงกลับ”
“ขอบพระคุณครูดวงใจมากมากครับ” ภูมิยกมือไหว้ขอบพระคุณครูดวงใจ
“จ้า….” ครูดวงใจยิ้มก่อนที่จะขับรถออกจากบ้านไป
กว่าจะจัดข้าวจัดของเป็นที่เรียบร้อย เล่นเอาซะภูมิเหงื่อไหล อาบแก้ม
“เหนื่อยเหมือนกันนะนี่ ...เดี่ยวไปอาบน้ำก่อนดีกว่า” ภูมิพูดคนเดียวในบ้าน มองซ้ายมองขวาไปในตัวบ้านขณะที่อยู่คนเดียวยามนี้ ช่างเงียบเหงาอ้างว้าง น่ากลัวซะเหลือเกิน........ ใครคนใดคนหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวสมอง ถึงแม้ว่าไม่รู้ว่าเขาจะคนอย่างที่ครูดวงใจบอกหรือเปล่า แต่ก็ยังดีกว่าอยู่คนเดียวซะอีก ภูมิคิดในใจ ก่อนที่จะตัดความรู้สึกกลัว กลัวในสิ่งที่มองไม่เห็น ออกจากความคิด
หลังจากที่อาบน้ำชำระร่างกายเป็นที่เรียบร้อย ก็รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวมากขึ้น ... ภูมิเดินไปยังเก้าอี้โซฟารับแขก ในตัวบ้านที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างดีพอสมควร ก่อนที่จะทรุดตัวนั่งลง จัดการกับหนังสือในมืออย่างเพลิดเพลินใจ อักษรสำนวนปรัชญาชวนให้แง่คิดดีดีในหนังสือเล่มนี่เป็นที่ถูกใจซะเหลือเกิน.......ขณะที่อ่านไปสายตาก็ชำเลืองไปเห็นภาพใครคนหนึ่ง ในชุดครุยขณะที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ข้างๆกายมีครูดวงใจยืนยิ้มอย่างภาคภูมิใจในตัวลูกชาย
“หน้าตายังกะพระเอกหนังแนะ….”
“อย่าบอกนะ ...ว่าเป็นพี่แซม...”
ภูมิคิดในใจพลางวางรูปนั้นวางลงที่เดิม แล้วหันมาสนใจกับหนังสือในมือต่อไป
รถจักรยานยนต์เวสป้าคันเท่ห์ขับเข้ามาในบ้าน แสงไฟในบ้านสว่างไสว แสดงว่าใครคนใดคนนั้นของแม่มาถึงแล้วแน่นอน ชายหนุ่มจอดรถไว้ ก่อนที่ขายาวๆแข็งแรงจะเดินไปที่ ก๊อกน้ำเพื่อล้างแขนล้างขา
แซมมักออกกำลังกายด้วยการเล่นบาสเป็นประจำ ชายหนุ่มถอดเสื้อกีฬาแขนกุดออก เผยแผ่นอกแน่นเครียดไปด้วยกล้ามเนื้อ หน้าท้องแบนราบแข็งกล้ามเป็นลอน
ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในบ้าน สายตาเหลือบไปเห็นร่างของใครคนหนึ่ง กำลังนอนหลับในท่วงท่านอนที่หาดูได้ยาก
ท่อนขาเรียวขาวนวล เรียวสวยราวกับแท่งเทียน ยามเมื่อแสงไฟส่องแสงกระทบเข้ากับผิวพรรณของร่างที่นอนหลับอยู่
สะท้อนเข้าสู่ตา เผยให้ชายหนุ่มพึ่งประจักษ์รับรู้แก่สายตาเป็นครั้งแรกว่า ผิวสวย เป็นอย่างไร
เขาก้าวเข้าไปใกล้มากยิ่งขึ้น เพ่งมองไปที่ร่างระหง ชดช้อย
“เฮ้ย...ไหนแม่บอกว่ามีครูใหม่ ผู้ชายมาพักด้วยนี่หนา แล้วผู้หญิงคนนี่เป็นใคร”
แซมคิดในใจ ขณะที่มองไปยังใบหน้ามนต์ นอนหลับตาสนิท ขนตาหนาเป็นแพยาวโค้งเป็นธรรมชาติ เครื่องหน้ารูปไข่จมูกโด่ง รับกับพวงแก้มป่องขาวเนียน ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเต็มอิ่มระเรื่อ ลำตัวมีส่วนโค้งเว้าระหง ผู้หญิงคนนี้ไม่แต่งหน้า ไม่ตัดโกนคิ้วเหมือนหญิงคนอื่นๆ แถมยังตัดผมสั้นซะด้วย ชายหนุ่มมองไปที่ร่างบางอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัว จนกระทั้งร่างที่หลับสนิทลืมตาขึ้นมา
“สวัสดีครับ พี่ใช่พี่แซมใช่ไหมครับ” ภูมิรีบลุกขึ้นมายกมือไหว้ สวัสดีชายหนุ่มที่ยืนจ่องมองตนอยู่
“เธอเป็นใคร” แซมไม่ได้ตอบคำถาม แต่กลับเป็นฝ่ายถามสวนกลับซะเอง จนอีกฝ่ายมีสีหน้างงงัน
“เธอที่ไหนครับ... ใครหรือครับ... พี่หมายถึงผมหรือเปล่า” ภูมิหันหน้ามองซ้ายมองขวา สีหน้าที่ซื่อตรง บ่งบอกอย่างชัดเจนโดยไม่มีการเสแสร้งแต่อย่างไร ทำให้แซมเริ่มเอะใจอะไรขึ้นมาบางอย่าง
“อย่าบอกนะว่า เธอคือคนที่แม่ บอกว่าจะมาพักที่นี่”
ภูมิพยักหน้าแทนคำตอบ เล่นเอาซะแซมใจหาย เพราะเคยมีผู้หญิงหลายคนที่จ่องจะจับชายหนุ่มไปครอง แต่ก็ไม่สำเร็จเพราะชายหนุ่มไม่เล่นด้วย
แซมมองสำรวจไปที่ดวงหน้าเนียนอีกครั้ง มองไปลึกๆคนคนนี้มีเค้าของความเป็นชายอยู่บ้าง แต่ก็น้อยซะเหลือเกิน
“เธอ...เฮ้ย...นายเป็นกะเทยหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ครับ”
ภูมิตอบคำถามที่ถามตรง... ตรงมากมายซะเหลือเกินอย่างไม่ต้องคิดอะไร...... เพราะใครก็ตามที่ไม่พบคบเคยเห็น รู้จักภูมิต่างก็คิดแบบนี้ด้วยกันทั้งนั้น...มันไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะชายหนุ่มหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าภูมิเป็นสตรี...มาเกี้ยวพามาจีบภูมิก็ยังเคยมีซะด้วยซ้ำ แต่ภูมิเองรู้แก่ใจตัวเองว่า ตัวเองไม่ได้เป็นคนที่รักชอบเพศเดียวกัน... ที่ภูมิบอกตัวเองเช่นนั้นอาจเป็นเพราะว่า... ความรู้สึก..รัก..ยังไม่ได้บังเกิดขึ้นในความรู้สึกเลย เกิดมายังไม่เคยรู้สึกว่ารักใครในเชิงชู้สาว หนุ่มสาวที่รักกันทั่วๆไป เหมือนกับว่า... สวรรค์รอ..รอให้ถึงเวลา..เวลาที่จะได้รัก..
“แน่นะ” แซมถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“แน่.....ครับผม”
แซมจ่องมองพิจารณาคนเบื้องหน้าอย่างละเอียดถี่ยิบ ตั้งแต่หัวจรดเท้า หน้าอกของหนุ่มน้อยที่แบนราบ... สะโพกกลมกลึงได้สัดส่วน ..เอวคอดกิ่ว... แขนขาวเรียวเนียน ..
“โห......” แซมพูดพร้อมกับทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“อะไรหรือครับ”
“นายเหมือนผู้หญิงมาก”
“แต่ผมไม่ได้เป็นผู้หญิงนะ..และผมก็ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น”
“มองดูดีดี นายเหมือนผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย (เจ้าฮ่ะ) หรืออาจจะเหมือนกะเทย”
“ผมไม่ได้เป็นอย่างที่พี่แซมพูดซักอย่างเลยครับ”
“อื้ม....... เชื่อ........พี่เชื่อ...........แล้ว” ชายหนุ่มยืนยันความเชื่ออีกครั้ง เมื่อมองเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายทุกข์ใจ
“ที่พี่ถามไม่ใช่อะไรหรอก พี่ชอบแบบนั้น ..ต่างหาก...หุหุ” แซมพูดทีเล่นทีจริง
“ไหนขอพิสูจน์หน่อย” ชายหนุ่มโยนเสื้อไปที่โซฟา
“พิสูจน์อะไรพี่..”
“อยู่นิ่งๆ”
แซมก้าวเดินเข้าไปอย่างชิดใกล้ พร้อมกับจับตัวภูมิหมุนตัวไปมาหลายสิบรอบ มือลูบจับตามเนื้อตามตัว บีบแขน บีบขา
ชายหนุ่มยื่นมือไปที่หน้าอก....แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจ....ท้ายสุดก็เอามือใหญ่ขยี้ผม ให้กระเซอะกระเซิง ยุ่งเหยิงแล้ว... หัวเราะชอบใจ แกล้งน้องใหม่อย่างขำขำ
“พี่แซม ภูมิเจ็บนะ”
“โห่..แค่นี่เจ็บ..พี่ทำค่อยๆเอง..”
“ค่อยๆของพี่ แต่กับคนอื่นมันไม่ค่อยนะครับ “
“ได้ ๆงั้นเดี่ยวพี่ทำเบาๆ” แซมพูดแล้วยิ้มที่มุมปาก มือของเขาลูบหัวไปมาอย่างแผ่วเบา
ภูมิมองไปที่หน้าคมเข้ม ที่เป็นคนคนเดียวกับคนในรูป ...แต่ที่ที่ไม่เหมือนก็ดูจะเป็นความหล่อ ตัวจริงดูดีกว่าเป็นเท่าตัว
ร่างสูงใหญ่นั่งลง ในขณะที่ภูมิเองยืนอยู่...สองมือของเขาคว้าไปที่มือนุ่มข้างซ้ายของภูมิไว้ ...ก่อนที่จะบีบมือเบาๆ...ครู่หนึ่งมือใหญ่ของเขาก็คว้าไปที่เอวคอด รั้งให้เข้ามาชิดใกล้
“พี่...พอเถอะ...เลิกพิสูจน์ได้แล้ว” ภูมิพูดขึ้นมา เมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มเริ่มกอด
“แหม.. กำลังสนุกเลย...หุหุ..”
“แล้วนี้เรากินอะไรแล้วยัง”
ภูมิสายหน้า เขายังไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากมื้อเช้า และตอนนี้ก็รู้สึกหิวเหมือนกัน
“รอพี่อาบน้ำแป๊บเดียวนะ เดี่ยวจะพาออกไปหาอะไรกินที่ตลาดกัน ฉลองต้อนรับน้องใหม่” เขาพูดเสร็จก็เปิดประตูห้องของเขาเองที่อยู่ติดๆกัน ครู่หนึ่งก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่พันกายส่วนล่างเท่านั้น บ่ากว้างกับช่วงเอวสอบได้รูป หน้าท้องแบนราบเป็นกล้าม ขนไรไรจากบริเวณหน้าท้องไล่ลงมาจนถึงผ้าขนหนูที่พันรอบเอวอยู่ ช่วงขาที่แข็งแรงและมั่นคง
ไม่ผิดแปลกเพี้ยนไปจากนายแบบ ที่พบเห็นในหน้าหนังสือนิตยสาร หรือตามรายการโทรทัศน์
“อาบด้วยกันมะ”
ชายหนุ่มหันหน้ามา ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำ
รูปร่างของพี่แซมที่ดูดี สมชายชาตรี ดูดีไปทั้งตัว ตรงข้ามกับตัวเองที่กลับมีรูปร่างคล้ายสตรีเพศ
มีสาวประเภทสองหรือแม้แต่ผู้หญิงหลายคนที่กลับอิจฉาในรูปร่างระหง จนบางครั้งภูมิกลับไม่แน่ใจว่าตัวเองเกิดมาโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ ที่การที่มีรูปกายตรงกับเพศเป็นอะไรที่น่าปรารถนาเป็นที่สุด
ภูมิออกมานั่งรอที่ม้านั่งข้างนอกบ้าน หัวสมองคิดอะไรมากมาย ความรู้สึกวิตกกังวล ความรู้สึกที่ตื่นเต้นกับประสบการณ์ชีวิตใหม่ๆ คละเคล้ากันไป อนาคต.....ชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร อนาคตจะดีหรือร้ายเพียงไหน ... ร่างบางนั่งตบยุงที่ต้นขา .. (เราไม่น่าใส่กางเกงขาสั้นเลย) ภูมิคิดในใจ
“ปะ...” เสียงเข้มนั้นออกมาพร้อมกับตัวเจ้าของเสียง ชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เสื้อยืดสีขาวล้วน กับยีนสีซีด ทำให้เขามองดูเท่ห์มากมาย
“รอแปบนะ” แซมวิ่งเข้าไปในบ้านอีกครั้งเหมือนว่าลืมอะไรบางอย่าง ครูหนึ่งก็ออกมาพร้อมกับเสื้อแจ๊กเก็ตตัวใหญ่
“เดี่ยวภูมิขับรถให้พี่หน่อยนะ ..จะได้รู้จักที่รู้จักทางไง”
“ได้ครับ”
“อะ นี่เสื้อใส่ซะ อากาศเย็นเดี่ยวจะไม่สบาย”
ภูมิสวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำตัวใหญ่ของเขา ที่ใส่แล้วอบอุ่นกายไม่ผิดไปจากที่เขาพูด เสื้อตัวใหญ่ชายเสื้อที่ยาวจนเลยกางเกงขาสั้นที่ภูมิใส่อยู่ มองดูเผินๆเหมือนคนไม่ใส่กางเกงเลย ดูโป๊ๆยังไงไม่รู้
-----------------------------------------------------------
“พี่แซม ทำไมตลาดมันอยู่ไกลจังอะพี่” ภูมิถามแซม เมื่อขับรถมาได้เกือบชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงตลาดสักที
“ไม่เห็นไกลเลย... พี่ขับมาห้านาทีเอง”
“โห่ ... นี่นะไม่ไกล..”
“ขับไปเหอะน่า” เขากระซิบบอกแนบชิดกับใบหู เล่นเอาอีกฝ่ายสะท้านจนขนลุก
มือข้างซ้ายของภูมิตวัดแขนไปข้างหลัง ฟาดไปที่ลำตัวเบาๆ ของชายหนุ่มที่บังอาจมาแกล้งตน
“ผู้ชายอะไรขี้บ่นไปได้” เขากระซิบแนบชิดที่ใบหูอีกเป็นครั้งที่สอง
“ผู้ชายอะไร.. แอบหอมแก้มผู้ชายด้วยกัน” ภูมิสวนกลับคืน หวังว่าอีกฝ่ายจะหยุด แต่ไม่เป็นดังที่ตนเองคิด
“พี่อะ..ชอบผู้ชายด้วยกัน” คำตอบที่ออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ ที่ดูไม่ออกว่าพูดจริงหรือพูดเล่น แต่ก็ทำให้ภูมิถึงกับใจเต้น
“มามะ.... ทำอะไรชักช้าอย่างนี้อีกห้าวันก็ไม่เสร็จ”
“เดี่ยวพี่ทำเอง”
ภูมิชะลอความเร็วรถให้ช้าลง เพื่อที่จะจอดรถสลับเปลี่ยนให้แซมเป็นฝ่ายขับ ตนเองเป็นคนซ้อน
“จอดทำไม ไม่ต้องจอด นั่งข้างหน้านั้นแหละดีแล้ว....”
แซมยื่นมือยาวยาว ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ โดยมีร่างบางที่ซุกอยู่ที่อกอุ่น ชายหนุ่มชะเง้อใบหน้าวางลงบนไหล่บางของคนนั่งข้างหน้า เป็นการพักคอไปในตัว และเป็นการหยอก
“พี่แซม...หนัก”
“โห่... อะไร...ขี้บ่นไปได้” แซมพูดพร้อมกับวางหน้าบนไหล่บางพร้อมกับทำหน้าที่คนขับต่อไป
“พี่แซม เคราพี่มันจิ๋มโดนเนื้อ”
“แล้วเป็นไงบ้าง” แซมถามสวนกลับมา ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด รับกลิ่นหอมจางๆจากผิวกายของภูมิ
“เจ็บดิ..ถามได้”
“ธรรมดา ...แรกแรกก็เจ็บอย่างนี้แหละ...นานนานไปเดี่ยวก็ดีเอง..เชื่อพี่”
ภูมินั่งนิ่งๆ เป็นนานทีเดียว ไม่เห็นว่าจะหายเจ็บอย่างที่ผู้เป็นพี่ชายบอกเลย กลับรู้สึกเจ็บมากขึ้นต่างหาก คราวนี้ภูมิต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะนำหน้าของพี่ชายออกจากไหล่
“อ๊ะ” แซมร้องออกมา เมื่อคางของตนถูกกระแทกจากการยักไหล่
“กล้าทำพี่เหรอ”
“ภูมิไม่ได้ทำอะไรพี่นะ .. ภูมิแค่ยักไหล่ของภูมิ เพราะไหล่มันตัวของภูมิ..พี่ไปโดนมันเองนิ”
“เออ..” แซมแกล้งส่งเสียงซีเรียส ขับรถเงียบกริบตลอดทาง
*************************************************************************
ในที่สุดก็มาถึงซะทีหลังจากที่นั่งรถมา เกือบสองชั่วโมง
เหล่าวัยรุ่นต่างพากันมาเดินจับจ่ายใช้สอย เที่ยวตลาดไนท์ถนนคนเดินกันอย่างสุขใจ
ผู้คนในตลาดต่างเพ่งมองไปยังคู่หนุ่มสาวที่เดินเคียงคู่กันคู่หนึ่ง อย่างไม่ลดละสายตา ภาพที่ทุกคนเห็นคือ
ผู้หญิงหน้าหวานสวย ...สวยมาก.... ผมทรงบ๊อบที่ยุ่งเหยิงโดยมีชายหนุ่มรูปหล่อ หล่อมากนำฝ่ามือใหญ่ที่แกล้งบรรจงขยี้เส้นผมไปมา ฝ่ายหญิงปัดมือออก แล้วตีลงไปที่ต้นแขน มองดูแล้วเหมือนเป็นการหยอกล้อกันของคนรัก
“ภูมิ ภูมิ...เดี๋ยวมาตรงนี้ก่อน” แซมสะกิดหัวไหล่พร้อมกับเดินเข้าไปหลบที่ร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง
“ภูมิช่วยไรพี่อย่างสิ”
ภูมิมองหน้าคนที่เอ๋ยขอร้อง
“ช่วยแสดงตัวเป็นแฟนพี่หน่อย”
“อะไรนะ”
“พี่บอกว่า ช่วยทำตัวเป็นแฟนพี่หน่อย”
“ไม่เอา” ภูมิปฏิเสธทันควัน
“นะ นะ พี่ขอร้อง ”
แซมพูดพร้อมกับคว้ามือของภูมิมากุมไว้
“นะนะ... พี่ขอนะ..”
ภูมิมองไปข้างหน้า มีผู้หญิงสองคน..เอ๊ะ..ไม่ใช่สิ.... อีกคนหนึ่งน่าจะเป็นสาวประเภทสอง... ดูจากไหล่ที่กว้างกว่าผู้หญิงปกติทั่วไป ท่าทางจริตจะก้าน เดินนวยนาดยังกับว่าตนกำลังประกวดนางงามยังไงยังงัน...หน้าตาของทั้งสองจัดได้ว่า .. สวย ..สวยคนละแบบ....เสื้อผ้าหน้าผมถูกแต่งแต้มอย่างดี กำลังเดินสวนมา .. ทรวงอกที่ใหญ่ไซร้พิเศษ
จงใจอวดเผยให้เห็นเนินขาวๆ เป็นที่สะดุดตาแก่ชายหนุ่มที่ผ่านไปผ่านมา.. จนเก็บเอาไปฝันได้เลย ..
ครู่หนึ่งเธอทั้งสองก็เดินมาถึง สายตาของสองสาวมองมาที่ภูมิ ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ไม้รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปทำอะไรให้เธอสองคนโกรธนักหนา ถึงได้มองด้วยสายตาแบบนั้น
“แซมค่ะ”
หญิงสาวที่เป็นหญิงแท้ เดินเข้ามาประชิดตัวคว้าแขนเข้าไปกอดกุมทันที แขนของชายหนุ่มคงถูกกับอกนุ่มอย่างจงใจ พร้อมกับท่าทางที่แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างเต็มที่
“แซมหายไปไหนมาค่ะ รู้ไหม “ปู” คิดถึงแซมแทบแย่”
ผู้หญิงคนที่ชื่อ “ปู” ซบหน้าลงที่ไหล่กว้าง อย่างไม่อายสายตาผู้คนที่มองมา จนชายหนุ่มมีสีหน้าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
สีหน้าแบบนี้เล่นเอาผู้เป็นน้องชาย ยิ้มร่าหัวเราะอย่างสุขใจ ก่อนที่จะก้าวหนีไปให้พ้นๆ ทิ้งให้เจ้าพี่ชายรูปหล่อจัดการกับแม่สาวงามนี้เอาเองละกัน
“โทษที..ปู..ผมมากับคนรัก..” แซมแกะแขนที่กอดกุมตัวเองไว้ เดินมาคว้าที่ต้นแขนของร่างบางๆที่กำลังเดินหนี
“ไหนว่าจะช่วยพี่ไง” แซมกระซิบ
“โอ๊ย..พี่แซม..แล้วภูมิจะช่วยพี่ยังไงเล่า”
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้ตอบคำถาม ร่างอรชรของสองสาวก็ทะยานเข้ามา
“แซมค่ะ... แซมว่าใครเป็นคนรักของแซมนะ” ปูถามชายหนุ่มขณะที่ลูกตาจ่องมอง ไปที่ตัวภูมิ
“อย่าบอกนะค่ะว่า.... ยัยชะนีกะโปโลคนนี่ เป็นคนที่คุณแซมพูดถึง” สาวประเภทสองเพื่อนของปู ส่งเสียงพูดซะจี๊ดจ๊าด เสริมทับเข้ามาอีกคน
“ใช่ค่ะ ..ดิฉันเป็นคนรักของคุณแซมเอง..” ภูมิพยายามพูดให้น้ำเสียงแนบเนียนคล้ายสตรีให้มากที่สุด และภูมิเองก็ตีบทแตกเปรี้ยง ได้รับรางวัลโทรทรรศน์ทองคำปี 2552 ซะทีเดียว สองสาวดูไม่ออกเลยว่าภูมิเป็นอะไรกันแน่
“นี่เธอ...ช่างกล้านะยะ...คงยังไม่รู้ตัวละสิว่า..ตัวเองกำลังเป็นนางบำเรอ..ของแซมอยู่”
ปูเน้นคำพูด ที่ส่อเสียดซะเจ็บไปถึงเสี้ยวหัวใจ สงครามแย่งผู้ชายกำลังจะเกิดขึ้น ผู้คนมามุงดูมากขึ้นทุกที และดูเหมือนชาวไทยมุงยิ่งเยอะ สองสาวกลับยิ่งชอบใจ เพราะงานนี้ได้ด่าประจาร ผู้หญิงที่บังอาจมาแย่งคนรักของตนเอง
“นางบำเรอ..เหรอปู...ว้าย...นางบำเรอก็คือคู่นอนของผู้ชาย..ยามที่น้ำแตกกระจาย..ก็ถูกทอดทิ้ง” สาวประเภทสองเพื่อนสาวของปู พูดเสริมทับศึก..เป็นการใหญ่”
“ไม่ใช่นะ” แซมพูดแทรกขึ้นมา
“แซมค่ะ... ความจริงก็คือความจริงวันยังค่ำ... ปูเป็นอะไรกับแซม แซมเองรู้แก่ใจดี” ปูพูดขึ้นมาแสดงตัวตน
“แซมค่ะ...แป้งเบื่อค่ะ..แป้งไม่ชอบบรรยากาศแถวนี่....”
“ไม่ชอบหล่อนก็ไปสิ...มัวมายืนอ๋อยผู้ชายอยู่ได้”
“ใช่สิ..นังชะนีหน้าด้าน..ตัวอิจฉาแย่งคู่ขาสามีชาวบ้านคนอื่น ..”
“แซมค่ะ..แป้งไม่รู้นะค่ะว่าแป้งเป็นนางบำเรออย่างที่โดนกล่าวหาอยู่รึเปล่า...แป้งไม่อยากจะยื้อแย้งผู้ชายกับใครโดยเฉพาะผู้หญิงคนนี่ เพราะมันต่ำเกินไป...แซมเลือกเอาเองนะค่ะ ว่าจะไปกับนางบำเรอหรือว่าตัวอิจฉาอย่างแป้ง...หรือว่าจะเลือกไปกับนางเอกผู้แสนดีคนนี้” น้ำเสียงที่นิ่งดังสายน้ำลึกและเยือกเย็น ของภูมิเล่นเอาซะแซมเองใจหายไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี้คือละคร หรือชีวิตจริงกันแน่
ร่างบางเดินหลีกหนีวงล้อมของผู้คนออกไป ทิ้งไว้ให้ผู้เป็นพี่ชายจัดการเคลียร์ปัญหาเอาเอง
“ปู... พี่ว่าปูเลิกยุ่งกับพี่ดีกว่า... พี่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับปูเลย... ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่พี่รัก และอยากจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตนี้เพื่ออยู่กับเธอ พี่หวังว่าปูคงเข้าใจและเลิกยุ่งกับพี่อีก..”
ชายหนุ่มแกะมือของหญิงสาวออก แล้วรีบวิ่งตามตัวจริงของเขาไป
“ปู... คุณแซมเขาเลือกนังชะนีกะโปโล”
“ฉันรู้ย่ะไม่ต้องมาย้ำ”
วงล้อมของคณะไทยมุงเริ่มกระจายตัว พร้อมกับเสียงหัวเราะ
“แซมนะแซม... คิดว่าตัวเองพิเศษนักหรือไง... คนอย่างปู...มีปัญญาหาผู้ชายที่ดีกว่าเป็นสิบเท่า คอยดูก็แล้วกัน”
**************************************************************************
แซมเดินจับมือภูมิเดินไปทั่วตลาด การเดินควงกันครั้งนี้เหมือนเป็นการเปิดตัวคู่รักคู่หวาน ไปในตัว เป็นการประกาศให้ทุกคนรับรู้โดยทั่วกันไปเลยทีเดียว
“ภูมิเลยกลายเป็นไม้......เลย เฮ้อ!!”
“หือ” อีกฝ่ายทำหน้างงขณะที่กำลังหยิบแก้วน้ำดื่ม หลังจากที่อิ่มท้อง
“ไม้กันหมาไง วันดีคืนดีแม่สาวๆพวกนั้นไม่รุมทำร้ายภูมิแย่เหรอ” ภูมิกล่าวด้วยสีหน้าทุกข์ร้อนใจยิ่งนัก ตรงข้ามกับแซมที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“เดี่ยวพี่จะคุ้มครองน้องแป้งเอง ที่รักของพี่” ชายหนุ่มพูดไปพลางหัวเราะไป อย่างขำขำ แต่ภูมินี่สิกลับไม่ขำด้วย...นั่งหน้าเครียดจัด…
“เอาเป็นว่า..พี่ขอโทษก็แล้วกัน..และก็ขอบคุณคุณน้องภูมิมากมาก ...”
“พี่แซมอย่าทำแบบนี้อีกนะ...ทุกคนเกิดมาล้วนมีหัวใจด้วยกันทั้งนั้น ...อย่าใช้รูปกายของตนเองมาเป็นเครื่องมือช่วย.......หากว่าไม่ได้รัก..ไม่ได้คิดอะไร..ก็อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเขา” น้ำเสียงที่จริงจัง แฝงไปด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่มากมาย ของภูมิ ทำให้แซมถึงกับขำไม่ออก
“พี่ขอโทษ” เสียงเข้มที่เอ๋ยคำขอโทษด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกสำนึกผิด
“พี่ไม่ต้องขอโทษภูมิ..และไม่ต้องมาขอบคุณอะไรภูมิด้วย”
“ทำไม” แซมถามพลางจ่องตาคู่งาม ที่จ่องกลับมาเช่นกัน
“พี่แซมต้องไปขอบคุณ ผู้หญิงที่ชื่อแป้งต่างหาก...” ผู้เป็นน้องชายลุกขึ้น ด้วยสีหน้าที่เอาเรื่องทีเดียว ก่อนที่ร่างบางจะลุกขึ้นเดินหนีไป
“เฮ้ย...จะไปไหน..”
“ไปซื้อของ”
“เดินหนีพี่ทำไม...ทำยังกะเป็นเจ้าของสถานที่”
“ไม่หลงหรอก..อ่านหนังสือออก”
ผู้เป็นน้องชายต้องหยุดเดินแทบทันทีเมื่อแขนนุ่ม ถูกคว้าไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะปัดมือนั้นออก แต่ไม่สำเร็จ
“พี่แซมจะกลับก่อนก็ได้นะ ...ภูมินั่งรถรับจ้างกลับเองได้...”
“ภูมิ.........พี่ไม่ได้เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้นนะ.. เธอเองต่างหากที่เป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาหาพี่เอง ...ไม่งันพี่คงไม่ให้ภูมิช่วยพี่หรอก..พี่เองไม่ใช่คนที่จะไปร้ายจิตใจผู้หญิง...พี่แคร์ความรู้สึกของทุกคน แต่กับ ...ปู..ถ้าพี่ไม่ทำอย่างนั้นเธอคงไม่มีวันเลิกยุ่งกับพี่แน่ .....พี่ไม่ใช่คนแบบนั้นนะ” สีหน้าที่เครียดจัดของชายหนุ่ม ทำให้ผู้เป็นน้องชายถึงกับอดกลั้นหัวเราะไม่อยู่
.....
“นี้แกล้งพี่เหรอ...”
“โธ่...พี่แซมก็..พี่แซมแกล้งภูมิมาตั้งเยอะ...เอาคืนนิดหน่อยเอง”
“ร้ายนักนะเรา”
“ก็...มีบ่าง ...นิดหน่อย” พูดเสร็จ ร่างบางก็หัวเราะพร้อมๆกับเดินเข้าไปในมินิมาร์ท
ไม่น่าเชื่อเลยว่าระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ได้รู้จักพูดคุยกัน ทำให้แซมรู้สึกมีความรู้สึกมากมาย ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในชีวิตหนุ่ม การที่ได้หยอกล้อ พูดจากวนปราสาท แกล้ง มันทำให้หัวใจของชายหนุ่มกระชุ่มกระชวยขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ขณะที่เดินเลือกซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับสมาชิกในบ้านคนใหม่ ในมินิมาร์ท ชายหนุ่มเลือกซื้อของใช้สำหรับตัวเองและก็น้องชาย
ภูมิขยับตัวหนีแซม ที่กำลังเอาคืนตัวเองด้วยการกอดเอว กอดคอ ในมินิมาร์ทโดยไม่อายพนักงานบริการสักนิด ร่างบางหยุดอยู่ที่กระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้ทั้งตัว รู้สึกน้อยใจในรูปลักษณ์ที่เป็นสตรีในเพศบุรุษ
“หล่อแล้ว” แซมให้กำลังใจ เด็กหนุ่มที่มีสีหน้าเครียด เมือมองเห็นสารรูปของตัวเองในกระจกเงา
“ปะ ..กลับบ้านกัน” เขาพูดพร้อมกับเอามือขยี้ผมให้ยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง พร้อมกับยิ้มหัวเราะชอบใจ
“สาวเกาหลี” ผู้คนที่พบเห็นต่างต้องพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันแน่ ว่าภูมิเป็นสาวเกาหลี น่ารักซะน่ามอง
..........................
ขากลับแซมทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ไม่ถึง ห้านาทีก็ถึงบ้าน เล่นเอาซะจนภูมิแปลกใจเป็นอย่างมาก
“พี่... พี่แกล้งภูมิอีกแล้วนะ” ภูมิตัดพ้อขณะที่วางของใช้ส่วนตัวที่ซื้อมา วางลงบนโต๊ะ
“แกล้ง เกลิ้อง อะไรกัน”
“เนียนมากเลย พี่แซม.....ตลาดอยู่ใกล้แค่นี่เอง ขาไปให้ภูมิขับอ้อมเป็นชั่วโมง”
“หุ หุ หุ หุ หุ ทำไมไม่คิดว่าพี่อยากให้ภูมิรู้จักถนนหนทาง แถวนี่บ้างละ .....คิดบวก.....เป็นไหม”
“อื้มๆ ครับๆ บวกก็บวก” ภูมิพูดพร้อมกับเตรียมจะเปิดประตูห้องนอน แต่ต้องชะงัก เมื่อต้นแขนถูกมือใหญ่แข็งแรง รั้งเอาไว้ซะก่อน พร้อมกับส่งสายตากวนๆ
“มานอนด้วยกันข้างนอกไหม นอนในห้องอึดอัดนะ ต้นไม้ในบ้านมีเยอะ ครูวิทยาศาสตร์น่าจะรู้นะว่าต้นไม้คายก๊าซอะไรในตอนกลางคืน” ใช่อย่างที่เขาพูด บริเวณในตัวบ้านเต็มไปด้วยไม้เล็กใหญ่ประดับตกแต่งมากมาย
“แล้วปกติพี่นอนตรงไหน”
ชายหนุ่มใช้สายตา เป็นคำตอบ
ภูมิมองไปยังหลังตู้ที่มีชุดเครื่องนอนคุณภาพดี พับเก็บไว้หลังตู้ กับเครื่องปรับอากาศช่วยเพิ่มออกซิเจนขนาดกะทัดรัด
“หุหุ.....ภูมิว่าภูมินอนในห้องดีกว่า”
“ตามใจแล้วกัน แล้วอย่าหาว่าพี่ไม่บอกน้า........”
********************************************************************************************
ภูมินอนหลับกระสับกระส่ายไปมา รู้สึกตัวอีกที ก็อยู่ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง.....ที่นี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
“เฮ้ย” ภูมิตกใจกับสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา ขยับตัวถอยหลังอย่างหวาดผวา มันมีแววตาที่เกรี้ยวกราด...หน้าตาขาวซีดเผือดเหี่ยวย่น ดวงตามีสีแดงคม.... ส่งเสียงแผดร้องดังก่องไปทั่วท้องอาณาบริเวณ และเริ่มมุ่งหน้ามาหาตน ภูมิอยากจะวิ่งหนีมันเสียให้พ้นๆ แต่ทำไมขาทั้งสองกลับไม่เป็นใจเอาซะเลย อยากจะวิ่งแต่ก็วิ่งไม่ได้ ขาทั้งสองชาไปหมด ได้แต่กระเถิบร่างตัวเองถอยหนี ปีศาจร้ายเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ทุกที ยิ่งเข้ามาใกล้เท่าไร รูปร่างหน้าตาของมันก็เผยรูปลักษณ์อันน่าเกลียดน่ากลัว เป็นเท่าตัว
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย” เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือดังก้องไปทั่วแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครสักคนมาช่วยเลย
“เลือด เลือด ข้าอยากกินเลือด” เสียงแจ๊ดๆแสบแก้วหู เป็นเสียงร้องของปีศาจร้ายตนนั้น
“เจ้าหนุ่มน้อย ทำไมตัวเจ้าช่างน่ากินซะเหลือเกิน เลือดของเจ้าคงเข้มข้น หวานกลมกล่อมเป็นแน่แท้ ฮ้าๆๆ”
ปีศาจร้ายตนนั้นพูด พร้อมกับแผดเสียงร้องดังก้องไปทั่ว
“ได้โปรดเถิด อย่าทำอะไรผมเลย”
“ฮ่า ฮ้า ฮ้า ฮ้า ฮ่า เจ้าจะร้องขอความช่วยเหลือ ให้มากความไปทำไม ยังไงซะ เจ้าก็ต้องเป็นอาหารของข้า”
พูดเสร็จ ปีศาจร้ายก็แผดเสียงร้องดังก่องกังวานไปทั่วอีกครั้ง
“ได้โปรดเถอะ...”
ปีศาจตนนั้นหาได้ฟังคำร้องขอของเด็กหนุ่ม แต่กลับกรี๊ดร้องออกมาด้วยความสาแก่สมใจที่จะได้อาหารอันโอชะ
“อย่า อย่า” ภูมิร้องตะโกนอย่างสุดเสียง
“ภูมิ..ภูมิ...เป็นอะไรหรือเปล่า”
เสียงเคาะประตูห้อง ถูกเคาะอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีวี่แววว่า คนในห้องนอนจะตื่น แซมตัดสินใจนำกุญแจห้องสำรองที่เก็บเอาไว้ไขประตูห้องเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจเป็นที่สุด ชายหนุ่มยื่นมือของตนตบที่แก้มของภูมิเบาๆ ครูหนึ่งร่างที่กำลังหลับตาสนิท นอนกระสับกระส่ายดิ้นไปดิ้นมาก็ลืมตาขึ้น
“เป็นไงบ้าง .. ร้องซะดังลั่นบ้านไปหมด”
บุคคลที่อยู่ตรงหน้าเป็นบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน ภูมิรู้สึกดีใจมาก กระโจนเข้าไปกอดกุมผู้เป็นพี่ชาย
“พี่แซม” ภูมิพูดเสร็จก็ลุกขึ้นสองมือคว้าลำตัวของแซมกอดกุมซบหน้าที่แผ่นหลังเปลือยของชายหนุ่ม เหมือนว่าเป็นเกราะกำบังตนอย่างดี
“ภูมิ ... ตื่นได้แล้ว ..ฝันร้ายนะเรานิ” แซมเรียกสติของภูมิให้กลับคืนมา มือลูบหัวและเนื้อตัวของเด็กหนุ่มไปมา
“ฝัน... ฝันเหรอ....” สองมือที่โอบกอดซบหน้าที่แผ่นหลังของชายหนุ่ม ผละออกอย่างรวดเร็ว แต่ฝ่ายที่แข็งแรงกว่าไม่ยอมปล่อยตัวง่ายๆ
ภูมิมีความรู้สึกอาย มือทั้งสองของภูมิ แกะมือของชายหนุ่มที่กอดกุมร่างของตนไว้ออกจากตัวผู้เป็นพี่ชายอยู่ในสภาพที่เปลือยกายสวนบน กับกางเกงขาสั้นตัวหนึ่งเท่านั้น
“ฮ้า ๆๆๆ ฝันเห็นอะไรเหรอภูมิ”
“ฝันร้ายอะพี่”
“อื้ม.. ฝันน่ากลัวมากไหม”
ภูมิมองไปที่อีกฝ่ายที่กำลังหัวเราะชอบใจ กับอาการวิตกกังวล หวาดกลัวของตน
“ไม่ตลกนะพี่”
“ตลกดิ” แซมพูดไป หัวเราะไป
จนภูมิต้องเมินหน้าหนี ไม่ชอบใจที่มีคนมาหัวเราะเยาะ ร่างบางลุกขึ้นก้าวเดินไปยังห้องน้ำล้างหน้าล้างตา แล้วเดินกลับมาที่ห้องนอนของตนอีกครั้ง เวลาพึ่งผ่านมาไม่นานนี่เองแสดงว่าทันทีที่เข้านอน แล้วก็หลับภูมิก็ฝันร้ายทันทีเลยหรือนี่ แล้วอย่างนี่จะกล้านอนต่อไหมหนอ คืนแรกก็ฝันร้ายซะแล้ว คิดไปคิดมาภูมิก็ทอดตัวลงนั่งบนเตียงนอน ซึ่งตอนนี่โล่งปราศจากเครื่องนอน หมอน ผ้าห่ม แม้แต่ชิ้นเดียว
ประตูห้องถูกเปิดอีกครั้ง พร้อมกับร่างของเด็กหนุ่มนามว่าภูมิ ยืนมองมาที่ตน แซมแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ชายหนุ่มเปิดโคมไฟเล็กๆ นั่งทำงานของตน
ภูมิก้าวเดินช้าๆ ไปยังพื้นที่ที่แซมจัดใช้เป็นที่นอน ก็พบชุดเครื่องนอนของตนถูกปูวางไว้ข้างๆแนบชิดกันกับชุดเครื่องนอนของพี่เขา ภูมิไม่พูดอะไรต่อไปทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนที่แซมจัดไว้ให้ หัวถึงหมอนไม่นานก็หลับทันที......หลับสนิทและฝันอีกครั้ง หากแต่คราวนี่เปลี่ยนจากฝันร้ายกลายเป็นฝันหวานแทน
แซมนั่งทำงานของตนเองไปเรื่อยๆ พร้อมๆกับชำเลืองมองไปที่ร่างที่หลับสนิทนอนด้วยท่านอนที่หาดูแบบสดสดได้ยาก.... ครู่หนึ่งเขาก็เก็บงานของตน เตรียมตัวเข้านอน เขาชอบนอนถอดเสื้อ เพราะว่ามันเย็นสบาย โล่งตัวดี
แล้วชายหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนอนเคียงข้าง กลิ่นหอมจางๆ ของคนที่นอนข้างๆ กระตุ้นต่อมประสาทส่วนหนึ่งในกายของชายหนุ่ม อย่างที่แซมไม่เคยรู้สึกแบบนี่มาก่อน ยิ่งยามใดที่คนข้างๆนอนขยับตัวไปสัมผัสกับกายของชายหนุ่ม ยิ่งเพิ่มความรู้สึกพิเศษตามธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เนื้อตัวของภูมิ นุ่มเนียนมากมาก ก็ผิวเขาสวยนี่หนา แต่แปลกที่เป็นผู้ชายเท่านั้นเอง ถ้าเป็นสตรีเพศ แซมคงไม่ปล่อยให้เธอนอนลอยนวลเป็นแน่แท่
แสงแดดยามเช้า ส่องแสงผ่านม้านหน้าต่าง กระทบกับม่านตาของภูมิ
“เช้าแล้วหรือนี่” ภูมิคิดในใจ เตรียมตัวที่จะลุกขึ้นนอน แต่ก็ต้องตกใจในสภาพการนอนของตนเอง ร่างของตนที่กำลังนอนตะแคง มือข้างหนึ่งของตัวเองพาดวางไว้ที่บริเวณอกกว้างของเขา โดยมีมือของแซมกุมมือนั้นไว้
“กรรม!! นี่เรานอนกอดพี่แซมทั้งคืนเลยหรือนี่”
ว่าแล้วภูมิก็ค่อยๆ แกะมือออกจากการกุมมือของเขาออกอย่างเบามือ มองไปที่ร่างของผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งในยามที่หลับสนิทไม่รู้ตัวก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ยามที่มีสติครบครันก็น่าชิดใกล้ เช่นกัน ภูมิรีบลุกขึ้นปัดความรู้สึกเพ้อไร้สาระของตนออกไป
****************************************************************************************
วันนี่ภูมิขอตัวออกไปทำธุระ โดยที่แซมเองขออาสาพาไป แต่ภูมิก็ปฏิเสธ กลัวว่าตัวเองจะโดนพี่ชายคนนี่แกล้งอีกเหมือนตอนที่อยู่ในตลาด และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเกรงใจนั้นเอง
เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นมา คุณครูดวงใจนั้นเองโทรมา
“ว่าไงแซม น้องเขาเป็นยังไงบ้าง”
“ก็ดีครับ น่ารักดี มาตอนแรกนึกว่าผู้หญิง”
“น่ารักแบบไหน เรานิ พูดจาแปลกๆ น้องเขาเป็นผู้ชายจริงๆ”
“แซมหมายถึง นิสัยน่ารักนะครับแม่”
“ยังไงก็ฝากดูแลน้องหน่อยนะ แล้วอย่าไปแกล้งเขาละ”
“ครับผม แซมจะดูแลคนของแม่เป็นอย่างดีเลยครับ”
“เดี่ยวเหอะ... แม่หวังว่าแม่คงไม่ได้นำปลาย่างไปให้แมวนะ”
“ไม่หรอกครับ แซมไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย”
“ก็ดี งันแค่นี่ก่อนนะ แม่โทรมาก็แค่อยากฝากดูแลน้องเขาด้วย... เดี่ยวแม่จะไปทำธุระต่อซะหน่อย”
“ครับผม”
สิ้นเสียงจากการวางสายโทรศัพท์ ชายหนุ่มก็กลับมานั่งทำงานของตัวเองต่อ ซึ่งใกล้จะเสร็จแล้ว
ทำงานไปก็คิดถึงคำพูดของผู้เป็นแม่ไปที่กำชับตนอย่างดี ชายหนุ่มมองไปที่ประตูบ้านหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าคุณครูน้องภูมิจะกลับมาซะที ระหว่างที่นั่งออกแบบโครงสร้างตึกอยู่ ครูหนึ่งต้องหันหน้ามองไปที่ประตูบ้าน รอคอยการกลับมาของเจ้าน้องชาย ชายหนุ่มมีความรู้สึกดีที่มีใครสักคนมาเป็นเพื่อนของเขา ในฐานะน้องหรือเพื่อน และในยามนี้ตัวเขาเองรู้สึกเป็นห่วง ……ห่วงผู้เป็นน้องชาย
บ่ายโมงกว่าๆ ประตูบ้านก็ถูกเปิด พร้อมกับใครคนหนึ่งที่เขารอคอย คอยการกลับมา ซึ่งแซมมองไปในระยะไกลยามที่แสงอาทิตย์ส่องแสงกระทบกับผิวกาย รูปร่าง ทรงผมของเด็กคนนี่ ทำให้หัวใจหนุ่มเต้นกระชุ่มกระชวยขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“ไปไหนมาทำไมกลับมาซะนานขนาดนี่....” แซมส่งเสียงเข้มดุ จนคนที่ได้ยินถึงกับหยุดนิ่ง
“ไปหาซื้อของใช้ส่วนตัวครับ” ภูมิกล่าวออกไปอย่างคนสำนึกผิด
“ภูมิขอโทษนะครับที่ไปข้างนอกนานไปหน่อย”
“อื้ม” ชายหนุ่มตอบในขณะที่ตาของเขายังก้มมองไปที่แผ่นงานของคนอยู่
“ภูมิขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
ภูมิเดินเข้าห้องของตน ด้วยความรู้สึกผิดมากมาก เราเป็นเพียงแค่คนอาศัยไม่น่าจะทำให้เจ้าของบ้านต้องมาเดือดร้อน นี่แหละคือปัญหา ที่ภูมิเองปฏิเสธการมาพักที่บ้านของครูดวงใจ แต่ด้วยเหตุผลหลายประการทำให้ภูมิต้องอยู่ที่นี่ เด็กหนุ่มสัญญาว่า จะไม่ทำให้ตัวเองเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายอีก ภูมิให้คำมั่นสัญญากับตนเอง
แซมมองไปยังร่างๆหนึ่งที่กำลังก้าวเดินมาที่ตน เสื้อยืดธรรมดาสีขาวกับกางเกงขาสั้น ทรงผมบ๊อบที่พึ่งเสร็จจากการสระมาใหม่ๆ ยังไม่แห้งดี ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ของเจ้าน้องชาย เป็นที่สะดุดตายิ่งนัก
ภูมิเดินมาเห็นชายหนุ่ม มองตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า จึงก้มสำรวจตัวเองเป็นการใหญ่
“ภูมิมีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับพี่แซม”
“มี”
“อะไรครับ ตรงไหน” พูดไปก็ก้มสำรวจดูตัวเองเป็นการใหญ่ หมุนตัวซ้ายขวา
“สวย”
“หือ ...อะไรนะพี่..ภูมิฟังไม่ชัด”
“เปล่าๆ....พี่พูดเล่น ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก” แซมยิ้มที่มุมปาก
รอยยิ้มที่ดวงหน้าคมเข้ม ทำให้ชายหนุ่มดูหล่อมากขึ้นเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว ร่างสง่าในเสื้อยืดสีขาว ช่างเข้ากับยีนสีกรมเข้มตัวนี้เหลือเกิน อาจเป็นเพราะว่ามีพื้นฐานดีอยู่แล้ว เสื้อผ้าชุดไหนก็ดูดีไปหมดเพราะคนใส่นั้นเอง ภูมิดีใจที่พี่แซมยิ้มได้ เพราะก่อนหน้านี่ยังทำเสียงซีเรียส ดุดุ
“ภูมิกวนหรือเปล่า”
“ไม่นิ ดีซะอีก กำลังเหงา อยากมีคนคุยด้วย”
แซมมองไปยังน้องชายของตนเอง ที่กำลังนั่งลงใกล้ๆ
“ภูมิขอโทษนะครับ ที่เมื่อเช้าไม่ได้เก็บที่นอน”
“ไม่เป็นไร พี่รู้ว่าภูมิคงกลัวว่าจะทำให้พี่ตื่น ใช่ไหม”
“แหม พี่แซมนี่น่ารักจังเลยนะครับ ไม่น่าละ สาวสาวถึงได้มองตาไม่กะพริบ”
ภูมิกล่าวชมพี่ชายอย่างจริงใจ พร้อมๆกับทิ้งตัวลงนอนเล่นใกล้ๆกับแซม บนเสื้อกกผืนใหญ่ที่ถูกปูไว้อยู่แล้ว โดยหารู้ไม่ว่าการนอนเล่นของตนเอง อวดรูปร่างอรชร แขนขาวขาว ขาเนียนเนียน ที่ยกขึ้นไปมา ท่วงท่านอนที่พลิกตัวไปมา มันช่างดูสวยงามราวกับดอกไม้ไหวยามปะทะกับสายลมพลิ้ว
“น่ารัก...ก็รักสิ”
“รัก..ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกรักพี่แซมขึ้นมาบ้างแล้ว”
ชายหนุ่มหลบสายตามองไปที่แผนงานของตนทันที ที่ภูมิหันหน้ามาที่ตนเอง หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อได้ยินคำพูดเมื่อครู่ ถึงแม้ว่าจะเป็นในแง่ของพี่ชายกับน้องชายก็ตาม
“พี่แซมมีอะไรให้ภูมิช่วยไหม”
“ไม่ดีกว่า พี่ว่าเรานอนเล่นไปเถอะ”
“แต่ภูมิอยากช่วยพี่จริงๆนะ นอนเฉยๆน่าเบื่อออก”
“ว่างนักเหรอไง” เขาตอบในขณะที่ตายังมองไปที่แผนงานอยู่ และดูเหมือนจะก้มหน้าก้มตา วาดขีดเขียนอะไรต่อมิอะไรวุ่นวายไปหมด
“ก็อีกตั้งหลายวัน ถึงจะเปิดเทอม”
“แน่ใจนะว่าจะช่วยพี่จริง”
“แน่ใจ”
“สัญญา”
“โอ้โห พี่แซมถึงกับต้องสัญญาเลยหรือนี่ ได้สิครับ สัญญาก็สัญญา”
“งั้นนอนรอแปบหนึ่ง” แซมนั่งทำงานตรวจดูรายละเอียดแบบโครงสร้างบ้านจัดสรร อยู่ครู่หนึ่งก็เก็บอุปกรณ์ทำงานไปเก็บ พร้อมกับเดินกลับมา ในมือถือหมอนใบหนึ่ง เขาขยับตัวเข้าไปนอนคู่กันแบบชิดใกล้ ซะจนภูมิต้องขยับตัวลุกขึ้น
“มะ ได้เวลาทำตามสัญญาแล้ว” พูดยังไม่ทันขาดคำ ชายหนุ่มก็ถอดเสื้อยืดของตัวเองออก นอนคว่ำหน้าฟุบลงที่หมอนนุ่ม
มองไปยังใบหน้าเนียน ที่ทำหน้างงงันสงสัย ว่าพี่ชายจะให้ช่วยอะไร
“นวดให้พี่หน่อย”
“นวด” ภูมิย้อนถามเพื่อความมั่นใจ
“นวดหลังให้พี่หน่อย นวดให้ทั่วๆเลยนะ ทุกส่วนเลยยิ่งดี”
“ได้ๆ แต่ภูมินวดไม่เป็นนะ ..แต่ก็เคยนวดให้แม่บ่อยๆตอนอยู่ที่บ้าน”
กว่าที่จะตัดสินใจนำมือของตนเองเข้าไปสัมผัส บีบเค้น นวดผิวกายที่แน่นเครียดไปด้วยกล้ามเนื้อ ภูมิต้องตั้งสมาธิก่อนมือน้อยๆ พยายามบีบนวดที่แผ่นหลัง บ่ากว้าง ช่วงเอว ให้มีน้ำหนักมากที่สุด
“เอาตรงนั้นแรงๆหน่อยๆ”
“อะ..อ้า..ดีดี..แรงอีกนิด...อื้ม..เรานิสุดยอดไปเลยเนาะ”
“ก็เป็นธรรมดาของคนหน้าตาดี ที่มีพรสวรรค์”
“สวรรค์ของพี่นะสิ” แซมพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก หลับตาลง
ภูมินวดไปได้ครู่หนึ่งก็ต้องหยุดพัก การบีบนวด การเป็นหมอนวดจำเป็นคราวนี่ เล่นเอาซะนิ้วมือชาไปหมด โดยเฉพาะนวดตัวให้กับคนที่แข็งแรงอย่างนี่
“ภูมิพักแปบนะพี่ ตัวพี่แข็งไป...นวดยาก..ปวดนิ้ว “
“พี่ก็ตัวแข็งทั้งตัวนั้นแหละ ยกเว้นใจ”
“พี่แซมกำลังจะบอกว่า ใจอ่อน ใช่ไหม หุหุ มุขนี้แป๊กนะพี่ ”ภูมิยิ้มชอบใจ
“รู้ใจพี่ดีจังเลยเนาะ” แซมพูดพร้อมกับหันหน้ามามอง คนที่กำลังยิ้มเล็กยิ้มน้อยต้องหุบปาก เลิกยิ้มทันที
แซมพลิกตัวนอนหงาย พร้อมกับเอามือชี้มาที่อกของตัวเอง เป็นสัญญานบอกว่า ได้เวลานวดตัวด้านหน้าแล้ว
ภูมิเริ่มทำการนวดให้คุณพี่ชายอีกครั้ง ไล่จากนิ้วมือยาว แขน ไหล ทั้งสองข้าง ไปมาหลายรอบ
แล้วหยุดนิ่ง แต่อีกฝ่ายกลับชี้นิ้วไปที่อกกว้าง เป็นสัญญานบอกอีกครั้งว่าต้องนวดอกกว้าง ตลอดจนหน้าทอง ช่วงเอวสอบของเขาด้วย
“โห่...พี่แซมมี...จะมีตังจ่ายค่านวด เปล่านี่ ชั่วโมงหนึ่งหลายตังนะ”
“โห่...... ภูมิรู้ตัวไหมว่าเป็นคนโชคดีมากเลยนะ ที่ได้สัมผัสลูบคลำเนื้อตัวคนหล่อหล่ออย่างพี่”
“หุหุ แสดงว่ามีสาวๆหลายคนจองตัวอยากนวดพี่แหงๆ ... ธรรมดาเนาะ.. คนอย่างพี่แซมแบบว่าหล่อเลือกได้”
“แต่พี่เลือกภูมินะ” แซมพูดเป็นนัยๆแฝงไปด้วยความหมายหลายอย่าง แต่คนที่ฟังนี่สิ กลับไม่รับรู้อะไรเลย
มิน่าละ ครูดวงใจหรือว่าแม่ของแซม.......ถึงได้กำชับนักหนา “ดูแลน้องดีดีนะ” ชายหนุ่มคิดไปถึงคำสั่งของแม่..ที่ผิดกันตรงที่น้องเองเป็นฝ่ายดูแลพี่อย่างดีต่างหาก
“อยากได้หุ่นแบบพี่แซมจังเลย” ผู้เป็นน้องชายกล่าวขณะที่นวดไปทั่วแผ่นอกกว้าง ครู่หนึ่งก็ซบหน้าของตัวเองลงไปที่หน้าท้องแข็งๆ เล่นเอาซะผู้เป็นพี่ชายสะท้านไปทั้งตัว ก่อนที่ร่างบางจะเงยหน้าขึ้นมาทำหน้าที่หมอนวดจำเป็นต่อไป
“ภูมิชอบซบหน้าลงตรงหน้าท้องของแม่เป็นประจำ เวลาที่นวดอยู่ที่บ้าน” …..?
“หุ่นดีดีแบบนี่ ขอได้ไหมพี่ สักนิดหนึ่งก็ยังดี”
“ทำไมเหรอ” ชายหนุ่มถามขณะที่มองมือนุ่ม ที่กำลังบีบนวดที่บริเวณหน้าท้อง และเอวของตนเอง ซึ่งสร้างความรู้สึกพิเศษตามประสาชายหนุ่ม
“อยากได้หุ่นพี่เหรอ งันเอาไปเลย พี่ยกให้”
“เอาได้ก็ดีสิ” ภูมิพูดพลางความรู้สึกน้อยใจชีวิตตัวเองที่เกิดมารูปกายไม่สมชายชาตรี แต่กลับเหมือนสตรีเพศแทนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ ณ ตอนนี้ก็ทำใจรับมันได้แล้ว
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้”
“พูดเป็นการ์ตูนไปได้พี่แซม”
“หุ่นของพี่ พี่ยกให้ภูมิ แต่หุ่นของภูมิพี่ขอนะ เรามาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน”
คำพูดที่กำกวนแฝงไปด้วยความหมายหลายอย่างของชายหนุ่มได้ผล เมื่ออีกฝ่ายมีสีหน้าวิตกกังวล
“มามะ...เรามาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันเถอะ” แซมพูดพร้อมกับจับมือที่กำลังนวดอยู่ ดึงให้เข้ามาที่ตน
“ภูมิไม่อยากได้แล้ว ...พี่แซมชอบแกล้งภูมิอยู่เรื่อยเลย”
“ก็เพราะว่าพี่ชอบไง พี่ถึงได้แกล้ง”
“อื้อ” ภูมิพูดในลำคอ เพิ่มแรงนวดสุดแรง บีบไปที่หน้าทองแข็งๆของชายหนุ่มอย่างแรง อย่างนี้เขาไม่เรียกว่านวดแล้วเขาเรียกว่าหยิก ต่างหาก
“โอ๊ย” แซมร้องออกมาด้วยความเจ็บ ตาจ่องมองยังอีกฝ่ายกำลังหัวเราะชอบใจ
“แกล้งพี่ใช่ไหม”
“อ้าว ทีพี่ยังแกล้งภูมิได้ ภูมิขอคืนบ้างไม่ได้หรือครับ หุหุ” ภูมิหัวเราะชอบใจ
หน้าท้องของแซมตอนนี้มีรอยเขียวช้ำเล็กน้อย แซมคิดที่จะเอาคืนเจ้าน้องชายแสนซื่อสุดแสบคนนี้ซักหน่อย
“ภูมิพี่นวดให้ไหม”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ภูมิไม่เมื่อย”
ภูมิพูดเสร็จก็ลุกพรวดขึ้นวิ่งหนีทันที รู้ทันว่าแซมต้องแกล้งคืนแหงๆ ทำให้แซมได้แต่นั่งเซ็ง สุดท้ายก็ได้แต่นอนมองดูเจ้าน้องชายน่ารัก รดน้ำต้นไม้ พร้อมๆกับเล่นน้ำไปด้วยอย่างเพลิดเพลินตา